FEED Validator

Congratulations!

This is a valid RSS feed.

Recommendations

This feed is valid, but interoperability with the widest range of feed readers could be improved by implementing the following recommendations.

• line 1, column 38: Use of unknown namespace: http://schemas.google.com/blogger/2008 [help]

  <?xml version='1.0' encoding='UTF-8'?><rss xmlns:atom="http://www.w3.org/200 ...
                                        ^

• line 1, column 38: Unable to validate namespace: http://schemas.google.com/g/2005. See the Google Data specification at https://developers.google.com/gdata/docs/1.0/elements [help]

  <?xml version='1.0' encoding='UTF-8'?><rss xmlns:atom="http://www.w3.org/200 ...
                                        ^

• line 11, column 0: description should not contain imageanchor attribute (26 occurrences) [help]

  <div class="separator" style="clear: both; text-align: cen ...
  

• line 11, column 0: description should not contain data-original-width attribute (2 occurrences) [help]

  <div class="separator" style="clear: both; text-align: cen ...
  

• line 11, column 0: description should not contain data-original-height attribute (2 occurrences) [help]

  <div class="separator" style="clear: both; text-align: cen ...
  

• line 123, column 0: Non-html tag: inc (4 occurrences) [help]

  6. <b>กำหนดรูปแบบของชื่อไฟล์</b> ขั้นตอนนี้สำคัญและรายละเอียดค่อ ...
  

• line 196, column 0: description should not contain iframe tag (4 occurrences) [help]

  <font size="3"><div align="center"><texta ...
  

• line 293, column 143: description should not contain relative URL references: #ชื่อจุดเชื่อมโยง (3 occurrences) [help]

  ... ไปข้างบน&lt;/b&gt;&lt;/a&gt;&lt;/div&gt;</description><link>https://blog ...
                                               ^

• line 309, column 314: Missing atom:link with rel="self" [help]

  ... ly@blogger.com (Unknown)</author></item></channel></rss>
                                               ^

Source: http://blogkrupong.blogspot.com/feeds/posts/default?alt=rss

1. <?xml version='1.0' encoding='UTF-8'?><rss xmlns:atom="http://www.w3.org/2005/Atom" xmlns:openSearch="http://a9.com/-/spec/opensearchrss/1.0/" xmlns:blogger="http://schemas.google.com/blogger/2008" xmlns:georss="http://www.georss.org/georss" xmlns:gd="http://schemas.google.com/g/2005" xmlns:thr="http://purl.org/syndication/thread/1.0" version="2.0"><channel><atom:id>tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580</atom:id><lastBuildDate>Tue, 20 Feb 2024 13:50:00 +0000</lastBuildDate><category>คอมพิวเตอร์</category><category>Excel 2007</category><category>คลิปวีดีโอ</category><category>ทั่วไป</category><category>ภาษา HTML</category><category>เพาเวอร์พอยต์</category><category>Word 2007</category><category>Word 2010</category><category>powerpoint 2010</category><category>เท็กซ์ไฟล์</category><title>บล็อกครูป๋อง</title><description>blogkrupong.blogspot.com</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/</link><managingEditor>noreply@blogger.com (Unknown)</managingEditor><generator>Blogger</generator><openSearch:totalResults>18</openSearch:totalResults><openSearch:startIndex>1</openSearch:startIndex><openSearch:itemsPerPage>25</openSearch:itemsPerPage><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-7486574374077796149</guid><pubDate>Fri, 02 Mar 2018 11:46:00 +0000</pubDate><atom:updated>2018-03-02T19:24:42.915+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">Word 2010</category><title>สีพื้นหลังปริ้นไม่ออก</title><description>&lt;strong&gt;นักเรียนถาม ทำไม? สั่งปริ้นแล้วสีพื้นหลังไม่ออก เป็นคำถามที่ทำให้ครูงานเข้าเล็กน้อย ก็เห็นๆ อยู่ว่างานมีพื้นหลังที่เป็นสี แต่พอสั่งพิมพ์เท่านั้นแหละ ออกมาเฉพาะข้อความไม่มีสีพื้นหลังออกมาด้วยเลย&lt;/strong&gt;&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
2. <br />
3. นักเรียนทำงานด้วยโปรแกรม Microsoft Words 2010 แล้วเข้าไปใส่สีพื้นหลังให้กับงานที่ คำสั่ง <em>เค้าโครงหน้ากระดาษ -> สีของหน้า</em> แล้วก็เลือกสีที่ต้องการ ทำให้พื้นหลังของหน้างานกลายเป็นสีที่เลือก แต่พิมพ์ไม่ออก เพราะเป็นค่าปกติของโปรแกรมที่ตั้งค่าเอาไว้ไม่ให้พิมพ์ หากต้องการให้มีสีพื้นหลังออกมาด้วยก่อนสั่งพิมพ์ ทำตามรูปข้างล่างนี้เลยได้ดั่งที่ต้องการแน่นอน<br />
4. <div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYLlI9516FLMDV4ehjUG7kkiuvbntHN9q3CrQ28ZF895On7EdBohbc7BkD_SoUogvUo770Zln293rwUObv0L89i8PLYtVDIApWmTLq9hKp3oyQTsb6rEfowvqrpg6WqiYH9VPJzdEElks/s1600/110-1.jpg" /></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 1 ไปที่ <em>แฟ้ม</em> แล้วเลือก <em>ตัวเลือก</em></div><br />
5. <div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKAuv3D2zHNGHqYyaTdAu7FhuQOK9oJjHH08bztm3aGcl2SmpWojhNb5XVb5B8kNQ796edp8TuAoG4UDteO1Ktc8ePhY8IaaTeB3Mmj-G3tEkYv1Oep5Zoi5XVTG-4kWregwEYLLaaLns/s1600/110-2.jpg" /></div>รูปที่ 2 ที่หน้าต่าง <em>ตัวเลือกของ Word</em> เลือก <em>แสดง</em> แล้วไปกำหนดค่าในส่วนของ <em>ตัวเลือกการพิมพ์</em> ใส่เครื่องหมายถูกหน้าช่อง <em>พิมพ์สีพื้นหลังและรูป</em> แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย<br />
6. <br />
7. ทาง Microsoft คงหวังดีที่กำหนดไม่ให้พิมพ์สีพื้นหลังเป็นค่าเริ่มต้นของโปรแกรม จะได้ประหยัดหมึกพิมพ์ แต่ความหวังดีเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็ชวนปวดหัวได้เหมือนกัน ยิ่งกับคนที่ไม่ค่อยได้คลุกคลีอยู่กับซอฟต์แวร์ตัวนี้เลย อาจต้องหากันทั้งวันเพื่อให้สีพื้นหลังถูกพิมพ์ออกมา บันทึกเรื่องนี้ไว้ในนี้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนและผู้สนใจทั่วไป</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2018/03/no-print-bg.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYLlI9516FLMDV4ehjUG7kkiuvbntHN9q3CrQ28ZF895On7EdBohbc7BkD_SoUogvUo770Zln293rwUObv0L89i8PLYtVDIApWmTLq9hKp3oyQTsb6rEfowvqrpg6WqiYH9VPJzdEElks/s72-c/110-1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-717910544932774335</guid><pubDate>Fri, 25 Aug 2017 16:09:00 +0000</pubDate><atom:updated>2017-08-25T23:32:45.118+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">powerpoint 2010</category><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">เพาเวอร์พอยต์</category><title>1 วัตถุ หลาย ภาพเคลื่อนไหว</title><description>&lt;b&gt;มีเรื่องราวน่าสนใจของโปรแกรม POWERPOINT มาฝาก ท่านที่ใช้โปรแกรมนี้อยู่เป็นประจำจะทราบดีว่า ในตัวโปรแกรมมีคำสั่งที่สำคัญอยู่คำสั่งหนึ่ง นั่นคือ คำสั่ง ภาพเคลื่อนไหว ชิ้นงาน หรือ OBJECT ทุกชิ้นที่อยู่ในหน้างานสามารถใส่ภาพเคลื่อนไหวได้ &lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
8. <br />
9. วิธีใส่ก็ง่ายๆ แค่เลือกชิ้นงานที่ต้องการ จากนั้น รายการภาพเคลื่อนไหวจะโผล่ขึ้นมาให้เลือก ด้านบน เหมือนรูปที่ 1 ซึ่งเลือก ภาพเคลื่อนไหว แบบ เด้ง ให้กับรูปภาพ เมื่อลองเล่นดู ตรงบานหน้าต่างภาพเคลื่อนไหว ด้านขวามือ ภาพเด็กน้อยก็จะเคลื่อนไหวตามรูปแบบที่เราเลือก โดยไม่มีปัญหาอะไร<br />
10. <br />
11. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgafs589MfHF4F6n7scVl88DEZSi89GEULb8qTCkisC4Y6NurOtP5WYpou9mji8hR3ZVdk_EXPnyO48PhF9mts6xBdTMLJp1iynzUD0IgesHpxRt-WSrV3d5nWRsViDpcD7sTJwlZYD6Dg/s1600/717910544932774335.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgafs589MfHF4F6n7scVl88DEZSi89GEULb8qTCkisC4Y6NurOtP5WYpou9mji8hR3ZVdk_EXPnyO48PhF9mts6xBdTMLJp1iynzUD0IgesHpxRt-WSrV3d5nWRsViDpcD7sTJwlZYD6Dg/s400/717910544932774335.jpg" width="400" height="290" data-original-width="976" data-original-height="708" /></a><br />
12. รูปที่ 1</div><a name='more'></a><br />
13. โดยปกติการใส่ ภาพเคลื่อนไหว ให้กับวัตถุในชิ้นงาน มักจะใส่อย่างน้อย 2 ภาพเคลื่อนไหว ตามรูปที่ 1 คือใส่เพื่อให้ เด้ง เข้ามา ถ้าจะใส่อีก 1 ภาพเคลื่อนไหว ก็อาจจะใส่ให้ ค่อยๆ เลือนหายไป วิธีใส่ภาพเคลื่อนไหวที่ 2 ก็เหมือนเดิม คือ เลือกวัตถุก่อน ซึ่งแน่นอนต้องเป็นวัตถุเดิม เพราะเราจะใส่เพิ่มเติม จากนั้นก็ค่อยไปเลือก ภาพเคลื่อนไหว ที่ต้องการ วิธีทำเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ มีปัญหา คือโปรแกรมจะไม่ยอมให้ใส่ซ้ำ ตามรูปที่ 1 ภาพเคลื่อนไหว ที่ใช้อยู่คือแบบ เด้ง หากจะกำหนดภาพเคลื่อนไหวที่ 2 เป็นแบบ เลี้ยว ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน จะไม่สามารถทำได้ แบบ เด้ง จะเปลี่ยนเป็น แบบ เลี้ยว ทันที พูดง่ายๆ คือ ไม่ยอมให้ใส่ ภาพเคลื่อนไหว ที่ 2 ในวัตถุเดียว<br />
14. <br />
15. ทุกปัญหามีทางออก งมหาวิธีอยู่พักใหญ่ ก็พบทางสว่าง 1 วัตถุหลาย ภาพเคลื่อนไหว ทำได้ ต้องทำแบบนี้ ลองมองไปที่ รูปที่ 1 อีกที จะเห็นคำว่า เพิ่มภาพเคลื่อนไหว นั่นแหละ คือ ช่องทางสำหรับเข้าไปใส่ ภาพเคลื่อนไหว ที่ 2 พอคลิ๊กเข้าไปก็จะเห็นรายการ ภาพเคลื่อนไหว เหมือนกับที่อยู่ข้างนอก แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ภาพเคลื่อนไหว ที่ 2 ทำไม? เลือกจากข้างนอกไม่ได้ ต้องเข้ามาใส่ข้างในนี้เท่านั้น โปรแกรมถึงจะยอมให้ใส่ ต้องลองดูนะ อ่านเฉยๆ อาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดเจนนัก<br />
16. <br />
17. &lt;b&gt;สรุป บทความนี้แค่จะบอกว่า ในโปรแกรม PowerPoint 2010 นั้น หากจะใส่ ภาพเคลื่อนไหว ที่ 2 ให้กับ 1 วัตถุ ต้องใส่คนละที่กับ ภาพเคลื่อนไหว ที่ 1 หวังว่าคงไม่งง นะ อยากจะถามไปยังผู้ผลิต Microsoft Powerpoint เหมือนกัน เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น เป็นข้อผิดพลาดหรือไม่? หรือเจตนาจะให้เป็นเช่นนั้น?&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2017/08/1-multiple-objects-animations.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgafs589MfHF4F6n7scVl88DEZSi89GEULb8qTCkisC4Y6NurOtP5WYpou9mji8hR3ZVdk_EXPnyO48PhF9mts6xBdTMLJp1iynzUD0IgesHpxRt-WSrV3d5nWRsViDpcD7sTJwlZYD6Dg/s72-c/717910544932774335.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-6581111291933553206</guid><pubDate>Wed, 23 Aug 2017 13:22:00 +0000</pubDate><atom:updated>2017-08-23T20:29:50.084+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คอมพิวเตอร์</category><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">ทั่วไป</category><title>เรื่องน่าปวดหัวของหน่วยความจำ</title><description>&lt;div class=&quot;separator&quot; style=&quot;clear: both; text-align: center;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;http://blogkrupong.blogspot.com/2017/08/memory-sotry.html&quot; imageanchor=&quot;1&quot; style=&quot;margin-left: 1em; margin-right: 1em;&quot;&gt;&lt;img border=&quot;0&quot; src=&quot;https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRKIK5QSn1YIR7-q8s72EijYwn6YeyFPDgjZ8xLcrGkabntH34Olb_mGD0Y8B6Qfnf2LvvJowT4goMXvXYs7f7EOWBiPgrut7Ln58yBRd8hT9CZxREM1-ZPkTIE9E0-EWBGmMnVieZpeI/s1600/memory-sotry.png&quot; data-original-width=&quot;450&quot; data-original-height=&quot;176&quot; /&gt;&lt;/a&gt;&lt;/div&gt;&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
18. <b>เรื่องหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ที่จำมาตลอด ไม่เคยลืม เหตุที่จำและไม่ลืม มันแปลกดี หน่วยความจำคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ หน่วยความหลัก และ หน่วยความจำรอง<br />
19. <br />
20. หน่วยความจำหลัก แม้จะถูกเรียกว่าหน่วยความจำหลัก แต่มันไม่เคยจำอะไรได้เลย คือ จำแล้วมันก็ลืม จะจำเฉพาะช่วงที่มีไฟเลี้ยงอยู่เท่านั้น พอหมดไฟแล้วก็ไม่จำ หน่วยความจำประเภทนี้ก็คืออุปกรณ์ที่เรียกว่า ROM และ RAM นั่นเอง</b><br />
21. <br />
22. หน่วยความจำรอง ทุกวันนี้มีหลายชนิดและความจุก็มากมายมหาศาล หน่วยความจำประเภทนี้ก็คือพวก HARDDISK , FLASH DRIVE เป็นต้น แม้จะถูกเรียกว่าหน่วยความจำรอง แต่มันก็จำดีนักแล เรียกว่าจำถาวรจนกว่าจะถูกลบทิ้ง<br />
23. <br />
24. หน่วยความจำหลัก น่าจะคือหน่วยความจำรอง หน่วยความจำรอง น่าจะคือหน่วยความจำหลัก เพราะหลักคือไม่จำ รองคือจำ คิดเอาเองโดยไม่เกรงใจใคร เหตุที่มีชื่อเรียกตามที่ว่ามานั้น น่าจะมองถึงความสำคัญของอุปกรณ์เป็นหลัก<br />
25. <br />
26. หน่วยความจำหลัก แม้จะไม่จำข้อมูลแบบถาวร แต่ก็ถือว่าสำคัญกว่าหน่วยความจำรองที่จำข้อมูลแบบถาวร ลองมองไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง หากขาดหน่วยความจำหลักจะทำงานไม่ได้เลย อย่างเช่น หากถอด RAM ออก คอมพิวเตอร์จะเปิดไม่ติด ตรงกันข้าม หน่วยความจำรองนั้นแม้จะจำข้อมูลได้แบบถาวร ถึงไม่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เปิดติดและสามารถทำงานได้<br />
27. <br />
28. แม้ทั้งสองหน่วยความจำจะมีลำดับความสำคัญแตกต่างกัน แต่ให้ทำงานร่วมกันเป็นดีที่สุด หน่วยความจำหลักแม้มันจะจำข้อมูลได้แบบชั่วคราว แต่ก็ช่วยให้เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานได้ เมื่อทำงานแล้วหากไม่มีหน่วยความจำรอง ก็แย่ เพราะไม่รู้จะจัดเก็บงานไว้ที่ไหน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีทั้งสองหน่วยความจำในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง เรื่องนี้ก็เข้าทำนองสุภาษิตไทย "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" ก็คือต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน<br />
29. <br />
30. แม้จะเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่หน่วยความจำของคนก็ควรจะจำไว้อย่างให้เข้าใจแจ่มแจ้งว่า หน่วยความจำหลักและรองของเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานแบบไหน และคืออุปกรณ์อะไรบ้าง</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2017/08/memory-sotry.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRKIK5QSn1YIR7-q8s72EijYwn6YeyFPDgjZ8xLcrGkabntH34Olb_mGD0Y8B6Qfnf2LvvJowT4goMXvXYs7f7EOWBiPgrut7Ln58yBRd8hT9CZxREM1-ZPkTIE9E0-EWBGmMnVieZpeI/s72-c/memory-sotry.png" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-3275139620006582898</guid><pubDate>Fri, 17 Feb 2017 11:49:00 +0000</pubDate><atom:updated>2018-03-02T19:27:17.683+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">เพาเวอร์พอยต์</category><title>ปกเฟสแค่เพาเวอร์พอยต์ก็เอาอยู่</title><description>&lt;div class=&quot;separator&quot; style=&quot;clear: both; text-align: center;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;http://blogkrupong.blogspot.com/2017/02/cover-facebook.html&quot;&gt;&lt;img border=&quot;0&quot; src=&quot;https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjaFeSVcXXJXT3Szvd08UGr811cHWFJGbvH4b1qi_R7xKjPsfGngq9Ue-Lf3sdQdOaieE28FZSKxe5Q0zfKlT1l3LfZ-shwzg2d1S9EacijD9BH7NK0aOM0Nq_nuJkZqwhxYLhsOfajMuY/s1600/2898.png&quot; width=&quot;480&quot;/&gt;&lt;/a&gt;&lt;/div&gt;&lt;b&gt;โปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ยิ่งเวอร์ชั่นสูงความสามารถก็สูงตามไปด้วย หลายเรื่องที่เวอร์ชั่นเก่าทำไม่ได้แต่เวอร์ชั่นใหม่ทำได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ เรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์ถ้าฮาร์ดแวร์ของเราไหว แนะนำให้ใช้โปรแกรมตัวที่ใหม่ล่าสุดไปเลย เพราะจะได้เห็นความสามารถใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่&lt;/b&gt;&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
31. <br />
32. มีหลายวิธีสำหรับทำปกเพสบุ๊ค ลองค้นหาวิธีทำดู ถ้าไม่เชื่อ มีแนะนำเยอะมาก จะมาแนะนำอีกวิธีหนึ่งหรือโปรแกรมหนึ่งนั่นคือโปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ซึ่งโดยส่วนมากก็มีใช้งานกันอยู่แล้ว<br />
33. <br />
34. จะไม่สอนโดยละเอียด เพราะเป็นโปรแกรมที่คุ้นเคยกันดี แค่จะแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เป็นข้อๆ ดังนี้.-<br />
35. <b>1.</b> ให้กำหนดขนาดของภาพนิ่งเป็นขนาด 16:9 เพราะจะได้ความละเอียดสูง และความกว้างจะพอดีกับพื้นที่ของปกเพสบุ๊ค<br />
36. <br />
37. <b>2.</b> อย่าทำให้วัตถุหรือชิ้นงานที่สร้างขึ้นมาดูธรรมดา ใช้คำสั่งให้คุ้ม ทุกชิ้นงานที่นำเข้าบนภาพนิ่งมีลูกเล่นหลากหลายให้ปรับแต่งได้ทั้งหมด เช่น รูปภาพนำเข้ามาแล้ว อย่าลืมเลือกไปที่รูปภาพอีกทีแล้วไปที่ รูปแบบ นั่นแหละคือตัวปรับแต่งที่มีอยู่อย่างหลากหลาย แม้แต่การเลือกรูปแบบให้กับภาพนิ่งก็ควรทำ ไม่ควรเป็นหน้ากระดาษขาวเฉยๆ จะดูไม่น่าสนใจ<br />
38. <br />
39. <b>3.</b> การออกแบบพยายามให้ชิ้นงานหรือวัตถุอยู่กึ่งกลางหน้าในแนวตั้ง เพราะความกว้างของขนาดที่กำหนดนั้นพอดี ส่วนความสูงจะสูงเกินพื้นที่ของปก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะในขั้นตอนที่เราอัพโหลดขึ้นบนเฟสบุ๊คจะสามารถขยับให้พอดีได้<br />
40. <br />
41. <b>4.</b> เมื่อออกแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำออกเป็นไฟล์นามสกุล .PNG เพราะจะได้ความละเอียดสูง และเป็นรูปแบบไฟล์ที่เฟสบุ๊คก็แนะนำ โดยไปที่ แฟ้ม ->บันทึกและส่ง->เปลี่ยนชนิดแฟ้ม->เลือกชนิดแฟ้มเป็น PNG<br />
42. <br />
43. แค่ทำตามขั้นตอนดั่งกล่าวมา จะได้ปกของเฟสที่มีความละเอียดสูง ความกว้างพอดี ส่วนความสูงไม่เป็นไร ขยับได้ในขั้นตอนอัพโหลด<br />
44. <br />
45. จะเห็นว่าไม่ยากเลย ไม่ต้องไปเที่ยวหาโปรแกรมอื่นมาทำให้ยุ่งยาก แค่ PowerPoint ก็เอาอยู่ มีเครื่องมือเตรียมไว้อำนวยความสะดวกเยอะ ทำด้วยโปรแกรมอื่นอาจยุ่งยากและใช้เวลานานกว่า อาศัยเคล็ดลับที่แนะนำมาประกอบกับความสามารถในการออกแบบให้สวยงาม (ซึ่งสอนกันไม่ได้) ก็ได้ปกเฟสมาใช้แล้วหล่ะ<br />
46. <br />
47. <b>ตัวอย่าง</b><br />
48. <a href="https://www.facebook.com/songarj.s" target="_blank" rel="nofollow"><b>ปกเฟสบุ๊ค นายทรงอาจ แสนโคตร</b></a><br />
49. &lt;a href=&quot;https://www.facebook.com/qrw.prawet&quot; target=&quot;_blank&quot; rel=&quot;nofollow&quot;&gt;&lt;b&gt;ปกเฟสบุ๊ค โรงเรียนอัลกุรรออ์วิทยา (ประเวศ)&lt;/b&gt;&lt;/a&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2017/02/cover-facebook.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjaFeSVcXXJXT3Szvd08UGr811cHWFJGbvH4b1qi_R7xKjPsfGngq9Ue-Lf3sdQdOaieE28FZSKxe5Q0zfKlT1l3LfZ-shwzg2d1S9EacijD9BH7NK0aOM0Nq_nuJkZqwhxYLhsOfajMuY/s72-c/2898.png" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-4365474987028381114</guid><pubDate>Thu, 09 Jun 2016 15:54:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-06-10T08:29:36.630+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คอมพิวเตอร์</category><title>จําลองไดร์ฟง่ายนิดเดียว</title><description>&lt;b&gt;1. ดาวน์โหลด&lt;/b&gt; โปรแกรม DAEMON Tool Lite ตามลิงค์นี้ หรือจะโหลดจากที่อื่นก็ได้แต่อาจยุ่งยาก ดาวน์โหลดเสร็จจะได้ไฟล์มาหนึ่งไฟล์ คือ DTLite4461-0328.7z&lt;br /&gt;
50. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
51. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_4OptxE_N4IQv_HU-v5h6ppwt88-eYmMf4zpAEDduA8PwxHSJjpTA4-fTzZOYtRLblxFUGgfR1rV7XqiWd4JT9Dp5yQb8NzJBJp5-btq2jZ01tjZ74gTwIASzT7NChtERyGRiqtBBpEc/s1600/92-01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_4OptxE_N4IQv_HU-v5h6ppwt88-eYmMf4zpAEDduA8PwxHSJjpTA4-fTzZOYtRLblxFUGgfR1rV7XqiWd4JT9Dp5yQb8NzJBJp5-btq2jZ01tjZ74gTwIASzT7NChtERyGRiqtBBpEc/s1600/92-01.jpg" /></a></td></tr>
52. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 1 ดาวน์โหลดโปรแกรม DAEMON Tool Lite</td></tr>
53. </tbody></table>
54. <br />
55. <a name='more'></a><b>2. ขยายออกมา</b> เนื่องจากไฟล์ที่โหลดมาเป็น ZIP ไฟล์ เมื่อขยายออกมาแล้วจะได้ไฟล์ DTLite4461-0328.exe<br />
56. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
57. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpDAr2AKlfdFDVvo-9OZq4Mjl9g0-r8QJno90fvSvumti_xu83dmABFfcRDjoM_5Creh3G0J05xJoygK0r4Y8dvbhrI1ZGQp-1lxfG8OAHBKynsoFSDotQhCjN0KPpwV0AcsSBJOl8wi0/s1600/92-02.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpDAr2AKlfdFDVvo-9OZq4Mjl9g0-r8QJno90fvSvumti_xu83dmABFfcRDjoM_5Creh3G0J05xJoygK0r4Y8dvbhrI1ZGQp-1lxfG8OAHBKynsoFSDotQhCjN0KPpwV0AcsSBJOl8wi0/s1600/92-02.jpg" /></a></td></tr>
58. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 2 ไฟล์แรกคือที่โหลดมา ไฟล์ที่สองคือที่ขยายออกมา</td></tr>
59. </tbody></table>
60. <b></b><br />
61. <b>3. ติดตั้ง</b> โดย ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ DTLite4461-0328.exe ในขั้นตอนการติดตั้ง ให้ปฏิบัติตามรูปดั่งต่อไปนี้ แล้วปัญหาจะไม่มี (รูปที่ 3 - 8)<br />
62. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
63. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgajlDn4EGVicB-7WYicBsstF7oQh8hdSFh4M1NQbxz0zpBU3eBVb04hQpZWoS3b0uJiQaiXxFDqHq_dgyqB-S5qswGmEPDdp8aY5jCZJxCFweQVhO7LBZDREenivjuoCtKMAr03qiAoL0/s1600/92-03.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgajlDn4EGVicB-7WYicBsstF7oQh8hdSFh4M1NQbxz0zpBU3eBVb04hQpZWoS3b0uJiQaiXxFDqHq_dgyqB-S5qswGmEPDdp8aY5jCZJxCFweQVhO7LBZDREenivjuoCtKMAr03qiAoL0/s1600/92-03.jpg" /></a></td></tr>
64. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 3 License Type ให้เลือก Free License</td><td class="tr-caption" style="text-align: center;"></td><td class="tr-caption" style="text-align: center;"></td></tr>
65. </tbody></table>
66. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
67. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgc1qvL0dvdwhZtMZBScexi5xUbpOxWQ36J0neD1j10MP9182gKxAjrNElq0uStKZGnKkofWNhMKuGYyb8n_ztItCMdbUNPZlInGUtMV_lGVnyZ9EPbyWMePGmhs0hw1vblmKdG2fiaYCI/s1600/92-04.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgc1qvL0dvdwhZtMZBScexi5xUbpOxWQ36J0neD1j10MP9182gKxAjrNElq0uStKZGnKkofWNhMKuGYyb8n_ztItCMdbUNPZlInGUtMV_lGVnyZ9EPbyWMePGmhs0hw1vblmKdG2fiaYCI/s1600/92-04.jpg" /></a></td></tr>
68. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 4 ไม่ควรเลือก Windows Gadget เพราะไม่จำเป็น และเกะกะหน้าจอ</td></tr>
69. </tbody></table>
70. <br />
71. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
72. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpDclKqbfOnSPaabnqyXiRPC-X5WM0dElhnSjtwu8o9rkuynxqeDPX3c3uVQJKGlqRI5Lem4as1KLTqcM1bh_yby3kVVwjGKIbb6mOjZBxEIVHZi_8ZL-4wF3-4L5IINkDpQWaHOAJDUk/s1600/92-05.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpDclKqbfOnSPaabnqyXiRPC-X5WM0dElhnSjtwu8o9rkuynxqeDPX3c3uVQJKGlqRI5Lem4as1KLTqcM1bh_yby3kVVwjGKIbb6mOjZBxEIVHZi_8ZL-4wF3-4L5IINkDpQWaHOAJDUk/s1600/92-05.jpg" /></a></td></tr>
73. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 5 เอาเครื่องหมายถูกออกจาก I accept... เพราะจะไม่เอาของแถม</td></tr>
74. </tbody></table>
75. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
76. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghuiudwIbb4_hq3bIOHt80D0XIz3Oy6d8lvuS3P5Bi5d5vlgNBo5PL9XD_2OWdujHSptGUwatyLzvmfoO72hbaVoONUBcAFKvIlC2BfrxUXq_jC8t7lPjkYAqoTWrEy4bLv6awkTCD80k/s1600/92-06.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghuiudwIbb4_hq3bIOHt80D0XIz3Oy6d8lvuS3P5Bi5d5vlgNBo5PL9XD_2OWdujHSptGUwatyLzvmfoO72hbaVoONUBcAFKvIlC2BfrxUXq_jC8t7lPjkYAqoTWrEy4bLv6awkTCD80k/s1600/92-06.jpg" /></a></td></tr>
77. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 6 โปรแกรมนี้ก็ไม่เอา เอาเครื่องหมายถูกออกจาก I accept...</td></tr>
78. </tbody></table>
79. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
80. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgV8GLKNSaoIAAc6mbErypcRTGunk8rgpknVhCeEU4gk_yA6W449hn5SrV3FkzNpvsjaY2U4tQ-ci3X4T4XXDJN2VQjAzacw1qWn3Bf0bAkrjLI4Wg0VzEiQwl3oOyhR5SSR0py5UoDvS4/s1600/92-07.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgV8GLKNSaoIAAc6mbErypcRTGunk8rgpknVhCeEU4gk_yA6W449hn5SrV3FkzNpvsjaY2U4tQ-ci3X4T4XXDJN2VQjAzacw1qWn3Bf0bAkrjLI4Wg0VzEiQwl3oOyhR5SSR0py5UoDvS4/s1600/92-07.jpg" /></a></td></tr>
81. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 7 เลือกอันล่าง Don't allow...</td></tr>
82. </tbody></table>
83. <b>4. เข้าโปรแกรม</b> เพื่อเข้าไปตั้งค่าสักเล็กน้อย ตามรูปที่ 8 เลย เอาเครื่องหมายถูกออกจาก Automount และ Check for updates แล้วปิดโปรแกรม<br />
84. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
85. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6sTE36kfgrUALeayio7tqgO-yWFTJGERruLsw3mP8yVUEUstlwuIPFigIi1j9YlUO6oeFGgghGlbePcb21Y7oZ32p7AeDjC8KllpwZjJa4fmHgGi8ch_fMxEnVfGfj-B-ADhgeQIH-Fw/s1600/92-08.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6sTE36kfgrUALeayio7tqgO-yWFTJGERruLsw3mP8yVUEUstlwuIPFigIi1j9YlUO6oeFGgghGlbePcb21Y7oZ32p7AeDjC8KllpwZjJa4fmHgGi8ch_fMxEnVfGfj-B-ADhgeQIH-Fw/s1600/92-08.jpg" /></a></td></tr>
86. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 8 ไม่ Automount และ Check for updates</td></tr>
87. </tbody></table>
88. <br />
89. <b>5. ใช้งานได้เลย</b> เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน โปรแกรมสำหรับจําลองไดร์ฟก็เข้าไปอยู่ในวินโดว์แล้ว ลองหาไฟล์นามสกุลที่โปรแกรมรู้จัก แนะนำ .ISO แล้วดับเบิ้ลคลิ๊ก ไฟล์นั้นก็จะเข้าไปอยู่ในไดร์ฟที่โปรแกรมจำลองขึ้นมาทันที พร้อมเพื่อที่จะทำโน่น นี่ นั่น ตามใจชอบ รูปที่ 9 แสดงให้เห็นตัวอย่างการใช้งาน พอดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์หนังเรื่อง ยกขบวนปล้น (Triple 9) ก็จะถือว่าเป็นการใส่แผ่นหนังเข้าไปยังไดร์ฟ J ซึ่งโปรแกรมจำลองขึ้นมา และพร้อมเพื่อจะหาความบันเทิงได้โดยทันทีด้วยโปรแกรมสำหรับฉายหนังทั่วไป<br />
90. <br />
91. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
92. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUGrJUzBK6XnEwD_4Ty5Lx37nmhHM9QFx-gqHKYgLnJsK3tOZr2Mm0Xgi1fj2_dpTnZEqmdJZrrNht2yYHYxBbADkjObmUOxEU7ieUQcyDgccdy1pgR6JFToGhkXeIA7Ut4HZkCE8mgBw/s1600/92-09.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="153" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUGrJUzBK6XnEwD_4Ty5Lx37nmhHM9QFx-gqHKYgLnJsK3tOZr2Mm0Xgi1fj2_dpTnZEqmdJZrrNht2yYHYxBbADkjObmUOxEU7ieUQcyDgccdy1pgR6JFToGhkXeIA7Ut4HZkCE8mgBw/s400/92-09.jpg" width="400" /></a></td></tr>
93. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">รูปที่ 9 ตัวอย่างการใช้งาน</td></tr>
94. </tbody></table>
95. &lt;span style=&quot;color: blue;&quot;&gt;&lt;b&gt;หวังว่าคงเป็นประโยชน์ อย่าลืมเลิกจำลองไดร์ฟ เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งง่ายมากๆ เอาเมาส์ไปวางไว้ตรงไดร์ฟแล้วคลิ๊กปุ่มขวามือ จากนั้นเลือกคำสั่ง Eject แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย&lt;/b&gt;&lt;/span&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/06/daemon-tools-lite.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_4OptxE_N4IQv_HU-v5h6ppwt88-eYmMf4zpAEDduA8PwxHSJjpTA4-fTzZOYtRLblxFUGgfR1rV7XqiWd4JT9Dp5yQb8NzJBJp5-btq2jZ01tjZ74gTwIASzT7NChtERyGRiqtBBpEc/s72-c/92-01.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-1694206975244884717</guid><pubDate>Mon, 14 Mar 2016 16:24:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-03-14T23:33:32.051+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คลิปวีดีโอ</category><title>รูปที่ซ่อนอยู่ในคลิป</title><description>&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://i1.ytimg.com/vi/_kGcH_NkvhU/hqdefault.jpg&quot;/&gt;&lt;/div&gt;&lt;font size=&quot;3&quot;&gt;&lt;b&gt;ในคลิปวีดีโอบนเว็บไซต์ยูทูปซึ่งเป็นคลังคลิปวีดีโอออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น เราสามารถนำรูปที่ซ่อนอยู่ในคลิปมาใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปประกอบงานพิมพ์ ประกอบเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือแม้แต่บันทึกลงเครื่องเก็บไว้ดู เป็นต้น เท่าที่ได้ตรวจสอบดู รูปที่ซ่อนอยู่ในคลิปนั้นมี 2 ขนาด คือ ขนาด 320x180px และ ขนาด 480x360px มาดูกันว่ามีวิธีการอย่างไรสำหรับการดึงรูปแยกออกมาจากคลิป&lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
96. <br />
97. <a name='more'></a>ก่อนอื่นมองหาคลิปแจ่มๆ สักคลิปแล้วเอาไอดีของคลิปนั้นมา ส่วนที่เรียกว่าไอดีของคลิปตามบทความนี้คือ ตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ที่อยู่ส่วนท้ายของที่อยู่คลิปถัดจาก v= เช่นคลิปนี้ http://www.youtube.com/watch?v=<font color="red">_kGcH_NkvhU</font> ไอดีคือ <font color="red">_kGcH_NkvhU</font> นั่นเอง URL ของทุกคลิปเป็นลักษณะนี้หมดแตกต่างกันเฉพาะไอดีเท่านั้น<br />
98. <br />
99. เมื่อได้ไอดีของคลิปที่ต้องการแล้วมาดูและทำความเข้าใจกับ URL หรือที่อยู่ของเว็บไซต์ข้างล่างนี้<br />
100. <br />
101. http://i1.ytimg.com/vi/<font color="red">XXX</font>/mqdefault.jpg<br />
102. http://i1.ytimg.com/vi/<font color="red">XXX</font>/hqdefault.jpg<br />
103. <br />
104. ที่อยู่แรกคือที่อยู่ที่ให้รูปจากคลิปขนาด 320x180px ส่วนที่อยู่ที่สองให้รูปจากคลิปขนาด 480x360px จากที่อยู่ทั้งสองอย่างนั้นจะมี XXX สามตัวอยู่เหมือนกัน ตรงนั้นแหละแทนที่ด้วยไอดีของคลิปที่หามาซะ จากนั้นลองนำที่อยู่ที่แทนที่ XXX ด้วยไอดีของคลิปแล้วไปวางที่ช่องแอดเดรสของเบราวน์เซอร์ดู รับรองว่าจะได้รูปที่ซ่อนอยู่ในคลิปนั้นทันทีทันใดเลยทีเดียว<br />
105. <br />
106. จากไอดีของคลิปที่ยกตัวอย่างดังกล่าวมา เมื่อนำมาใส่ที่อยู่ทั้งสองอย่างนั้นจะเป็นแบบนี้ <b><a href="http://i1.ytimg.com/vi/_kGcH_NkvhU/mqdefault.jpg" target="_blank">http://i1.ytimg.com/vi/<font color="red">_kGcH_NkvhU</font>/mqdefault.jpg</a> และ <a href="http://i1.ytimg.com/vi/_kGcH_NkvhU/hqdefault.jpg" target="_blank">http://i1.ytimg.com/vi/<font color="red">_kGcH_NkvhU</font>/hqdefault.jpg</a></b> ส่วนรูปที่ได้คือรูปสาวสวยที่นำมาให้ดูข้างล่าง<br />
107. <br />
108. <div align="center"><img src="http://i1.ytimg.com/vi/_kGcH_NkvhU/mqdefault.jpg"/><br />
109. <br />
110. <img src="http://i1.ytimg.com/vi/_kGcH_NkvhU/hqdefault.jpg"/></div><br />
111. หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่นำมาฝากนี้&lt;/font&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/picture-in-youtube.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-1575272190675271374</guid><pubDate>Fri, 11 Mar 2016 11:42:00 +0000</pubDate><atom:updated>2017-02-17T20:10:48.561+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คอมพิวเตอร์</category><title>เปลี่ยนชื่อไฟล์แบบมืออาชีพ ฟรี!</title><description>&lt;b&gt;ชื่อไฟล์ที่มันไม่เรียบร้อยและไม่สื่อความหมายอะไรเลย ควรจะเปลี่ยน บทความนี้มีโปรแกรมดีๆ มานำเสนอ ชื่อโปรแกรมว่า Advanced Renamer แปลเป็นแบบไทยๆ ก็เหมือนกับที่ตั้งเป็นชื่อเรื่องของบทความ โปรแกรมนี้ต้องยอมรับว่าของเขา Advanced จริงๆ ในเรื่องของการเปลี่ยนชื่อไฟล์ แต่ไม่ต้องห่วง จะพยายามอธิบายแบบเบื้องต้น ง่ายๆ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่เป็นปัญหาต่อการเปลี่ยนชื่อไฟล์แน่นอน ตามนี้&lt;/b&gt;&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
112. <br />
113. 1. <b>ดาวน์โหลดโปรแกรม</b> มาก่อน โดยเข้าไปตามที่อยู่นี้ โหลดฟรี <a href="https://www.advancedrenamer.com/download" target="_blank">https://www.advancedrenamer.com/download</a> เลือกโหลดสักหนึ่งประเภท จะเลือกแบบที่ติดตั้งได้เลย หรือต้องขยายออกมาก่อนแล้วค่อยติดตั้ง เชิญตามสะดวก แต่แนะนำว่าให้เลือกที่ใช้กับระบบปฏิบัติการวินโดว์<br />
114. <br />
115. 2. <b>ติดตั้งโปรแกรม</b> ให้เรียบร้อย การติดตั้งไม่มีอะไรซับซ้อน จึงขอข้ามการอธิบายในขั้นตอนนี้ไป<br />
116. <br />
117. 3. <b>หน้าตาของโปรแกรม</b> จะเป็นประมาณรูปที่ 1 นั่นคือส่วนสำคัญที่จับภาพมาให้ดู ไม่ได้จับมาให้ดูทั้งหมด เนื่องจากภาพจะใหญ่เกินไป จะเห็นว่าแบ่งเป็นสองส่วน คือ ด้านซ้าย และ ขวา มือ สำหรับด้านซ้ายมือคือส่วนสำหรับกำหนดในเรื่องของชื่อไฟล์ใหม่ ส่วนด้านขวามือคือพื้นที่สำหรับรายชื่อไฟล์ที่จะเปลี่ยนชื่อ<br />
118. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitGHkFLv-i4TXzGbzqLcfe-9N0r3fQVA79ZbErWBT6EmnZT4PT74hT-t7D-_94bLhMjmTrVugOpavbbKWT_5yMcL8wLAETdBOHz23cElmWSL7rzQmmExxBV3A1S-5UuPojpg52NOXHk40/s1600/rename1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitGHkFLv-i4TXzGbzqLcfe-9N0r3fQVA79ZbErWBT6EmnZT4PT74hT-t7D-_94bLhMjmTrVugOpavbbKWT_5yMcL8wLAETdBOHz23cElmWSL7rzQmmExxBV3A1S-5UuPojpg52NOXHk40/s1600/rename1.jpg" width="480" /></a></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 1 หน้าตาของโปรแกรม</div><br />
119. <!--more-->4. <b>เตรียมไฟล์ที่จะเปลี่ยนชื่อ</b> รูปที่ 2 คือ ตัวอย่างไฟล์รูปภาพที่จะเปลี่ยนชื่อไฟล์ โหลดมาจากเฟสบุ๊ค เฟสบุ๊คจะให้ชื่อไฟล์มาน่าเวียนหัวมาก เต็มไปด้วยตัวเลขและไม่สื่อความหมาย จึงสมควรที่จะเปลี่ยนชื่อไฟล์เสียใหม่ ในรูปเป็นกิจกรรมเข้าค่ายของนักเรียน ชื่อไฟล์น่าจะประมาณนี้ kaokai แล้วก็ต่อท้ายด้วยตัวเลข 01 02 03 ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็คือ kaokai_01 kaokai_02 kaokai_03...<br />
120. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZPLWFgqFY40mFtC4LNcYzRXsCpG38nhqI12wEDioBNd9UtEkl3Ooz2xS7RwijIVLkTi0WhQXr_xClIq-x1MjAp6TisgNEC9U6ZVw0FarBfixYDOtCAhuKmpevMRwj_FpMkTOt25x23IA/s1600/rename2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZPLWFgqFY40mFtC4LNcYzRXsCpG38nhqI12wEDioBNd9UtEkl3Ooz2xS7RwijIVLkTi0WhQXr_xClIq-x1MjAp6TisgNEC9U6ZVw0FarBfixYDOtCAhuKmpevMRwj_FpMkTOt25x23IA/s1600/rename2.jpg" width="480" /></a></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 2 ไฟล์รูปภาพที่เตรียมไว้เปลี่ยนชื่อ</div><br />
121. 5. <b>เพิ่มไฟล์เข้ามา</b> ที่หน้าหลักของโปรแกรมตามรูปที่ 1 คอลัมน์ด้านขวามือให้เลือก Add เลือกไฟล์ที่เตรียมไว้ทั้งหมด เพื่อให้เข้ามาอยู่ในโปรแกรม เหมือนรูปที่ 3<br />
122. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgy8WACLSWS6KhFrJif8JMidCFgXh59nje3mZ_6rPAYlClFgujCi4F1U8YNCD1f8O7DHF73KRcj1MO8PrtfjDTI3DvKtAhzYZGtcvbxh9XIq1FBnVZ2XYhY7U-I3USuJXK3gDm3cyeT4T4/s1600/rename3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgy8WACLSWS6KhFrJif8JMidCFgXh59nje3mZ_6rPAYlClFgujCi4F1U8YNCD1f8O7DHF73KRcj1MO8PrtfjDTI3DvKtAhzYZGtcvbxh9XIq1FBnVZ2XYhY7U-I3USuJXK3gDm3cyeT4T4/s1600/rename3.jpg" width="480" /></a></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 3 ไฟล์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว</div><br />
123. 6. <b>กำหนดรูปแบบของชื่อไฟล์</b> ขั้นตอนนี้สำคัญและรายละเอียดค่อนข้างเยอะ มีหลายรูปแบบให้เลือก จะยกตัวอย่างสัก 1 รายการ ที่หน้าหลักของโปรแกรมด้านซ้ายมือ ให้เลือก Add method เลือก New Name จะมี Tags ให้เลือกเยอะมาก ชื่อไฟล์ถ้าจะให้มีรูปแบบเหมือนข้อ 4 เลือก <b><span style="color: red;"><Inc Nr:1></span></b><inc nr=""><b><span style="color: red;"> - Incrementing numbers</span></b> เมื่อเลือกรายการนี้ให้สังเกตด้านขวามือของหน้าจอ คอลัมน์ New Filename นั่นคือชื่อไฟล์ใหม่ที่จะได้ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นลำดับเลข เริ่มตั้งแต่ 01 เป็นต้นไป กรณีที่ต้องการใส่ข้อความไว้ข้างหน้า ก็ใส่เข้าไปได้เลย ก่อนหน้า Tags ซึ่งตอนนี้รูปแบบ Tags ที่เลือกอยู่คือ <inc nr:1=""> <b><span style="color: red;"><Inc Nr:1></span></b> ต้องการให้มีข้อความ kaokai_ ข้างหน้า ก็ใส่แบบนี้ <b><span style="color: red;">kaokai_</span></b><inc nr:1=""><b><span style="color: red;"><Inc Nr:1></span></b> ผลที่ได้ก็จะเป็นเหมือนรูปที่ 4<br />
124. </inc></inc></inc><br />
125. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqofLrvf2Vs_wgfR8Geq4ZCUoNeLfXQM9lYQzy0hiraeM4BzG9bzc2PUQeSAsAP_0KltSkODUA_GUL61_GzICMML8SNUMYIhDkHU9Xjuo27hFZU2iClyP6lO1i9pDetPf7r3sD6vF1_ow/s1600/rename4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhqofLrvf2Vs_wgfR8Geq4ZCUoNeLfXQM9lYQzy0hiraeM4BzG9bzc2PUQeSAsAP_0KltSkODUA_GUL61_GzICMML8SNUMYIhDkHU9Xjuo27hFZU2iClyP6lO1i9pDetPf7r3sD6vF1_ow/s1600/rename4.jpg" width="485" /></a></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 4 พอกำหนดรูปแบบจะเห็นชื่อไฟล์ที่จะได้</div><br />
126. 7. <b>สั่งเปลี่ยนชื่อ</b> หลังจากกำหนดรูปแบบไฟล์ใหม่เสร็จเรียบร้อยดั่งที่ใจก็ต้องการแล้ว ให้คลิ๊กที่คำสั่ง <b><span style="color: orange;">START BATCH</span></b> รายการสุดท้ายของเมนู จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ยืนยันการเปลี่ยน ก็คลิ๊กที่ <b><span style="color: orange;">Start</span></b> ได้เลย เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวชื่อไฟล์ก็จะเปลี่ยนทันที ตามข้อมูลตัวอย่าง ก็จะได้ เหมือนรูปที่ 5<br />
127. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7QrBEcP0-88eUKMIVtAujvyvcqfT_pjStkqkzdMhrS8hGhpp0Ny41gcnlRTdN8oZxOiLYiU03A8c_z2t5mFTEzemAKTnrpntxqLhSfYJC57p1W3JZtIpbPEPYrVv34jCxws5OdNX15wg/s1600/rename5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7QrBEcP0-88eUKMIVtAujvyvcqfT_pjStkqkzdMhrS8hGhpp0Ny41gcnlRTdN8oZxOiLYiU03A8c_z2t5mFTEzemAKTnrpntxqLhSfYJC57p1W3JZtIpbPEPYrVv34jCxws5OdNX15wg/s1600/rename5.jpg" /></a></div><div style="text-align: center;">รูปที่ 5 ไฟล์ที่เปลี่ยนชื่อแล้ว</div><br />
128. &lt;b&gt;รูปที่ 2 คือไฟล์ที่ยังไม่เปลี่ยนชื่อ ส่วนรูปที่ 5 คือเปลี่ยนชื่อแล้ว จะเห็นว่าดูดีและสื่อความหมายมากกว่ากันเยอะ ตามตัวอย่างที่ทำมาให้ดูทั้งหมดทุกขั้นตอนนั้น เป็นแค่ความสามารถบางส่วนของโปรแกรม ตรง Tags ซึ่งก็คือรูปแบบของชื่อไฟล์ มีให้เลือกเยอะมาก อีกทั้งยังให้สอดแทรกข้อความเข้าไปได้อย่างอิสระ หากต้องการมากกว่ารูปแบบ &lt;inc nr:1=&quot;&quot;&gt; &lt;span style=&quot;color: red;&quot;&gt;&amp;lt;Inc Nr:1&amp;gt;&lt;/span&gt; ให้ลองดู แล้วจะรู้ว่าโปรแกรมนี้เขาจัดการเรื่องการเปลี่ยนชื่อไฟล์ได้แบบมืออาชีพจริงๆ&lt;/inc&gt;&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/rename-file.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitGHkFLv-i4TXzGbzqLcfe-9N0r3fQVA79ZbErWBT6EmnZT4PT74hT-t7D-_94bLhMjmTrVugOpavbbKWT_5yMcL8wLAETdBOHz23cElmWSL7rzQmmExxBV3A1S-5UuPojpg52NOXHk40/s72-c/rename1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-2736980921637372216</guid><pubDate>Wed, 09 Mar 2016 05:30:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-03-09T12:49:28.916+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">Excel 2007</category><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คอมพิวเตอร์</category><title>อ้างอิงต่างไฟล์จำไม่ได้สักที</title><description>&lt;b&gt;นานๆ ใช้ที ก็งง กับรูปแบบ จึงต้องบันทึกไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในบล็อกนี้&lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
129. <br />
130. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8m0nscdF2MbQinlFvjZKOvEzGq9YLpMAICJf0VkH6Qmo-OL5hZN25a0muSBMTMxWc3-U3n7EAPTuF77sn02LqkbmvGIXNZRzwXKJFNTe0XxQMko4EyFX1otJN0f7eL9vKa4UJvzMxM9w/s1600/excel1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8m0nscdF2MbQinlFvjZKOvEzGq9YLpMAICJf0VkH6Qmo-OL5hZN25a0muSBMTMxWc3-U3n7EAPTuF77sn02LqkbmvGIXNZRzwXKJFNTe0XxQMko4EyFX1otJN0f7eL9vKa4UJvzMxM9w/s1600/excel1.jpg" /></a><br />
131. รูปที่ 1 รูปแบบของการอ้างอิงต่างไฟล์</div><br />
132. <a name='more'></a><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4Nl7gqv5lUpyOR7Suw68pA-EmH1ln7cxsBfz1vF_QoxNMiX33tnJpIf_L2y6rfxb3T8buiD9-AzbQcLS-jAMeHOCz94YYOea4VBF6dgCTVyXMkIKdIkn172yNbBwXj9B_fq-0FayUjtg/s1600/excel2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4Nl7gqv5lUpyOR7Suw68pA-EmH1ln7cxsBfz1vF_QoxNMiX33tnJpIf_L2y6rfxb3T8buiD9-AzbQcLS-jAMeHOCz94YYOea4VBF6dgCTVyXMkIKdIkn172yNbBwXj9B_fq-0FayUjtg/s1600/excel2.jpg" /></a><br />
133. รูปที่ 2 ไฟล์ edit.xlsx เก็บข้อมูลว่ามีนักเรียนรหัสอะไรมาแก้งานบ้างแล้ว</div><br />
134. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLJ6OqDOugu3ybZgamPdc5UJQ0iNkwzfngywgDvoEcJHDUSOawGSkpf7rOkNvk88WWnCKODnbUQOUaESc-vpxoe4ShXwHNZYAVksnkqns_bWeWMIJJJWHt0_KYMX11t8hmwI4tGbaI7YU/s1600/excel3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLJ6OqDOugu3ybZgamPdc5UJQ0iNkwzfngywgDvoEcJHDUSOawGSkpf7rOkNvk88WWnCKODnbUQOUaESc-vpxoe4ShXwHNZYAVksnkqns_bWeWMIJJJWHt0_KYMX11t8hmwI4tGbaI7YU/s1600/excel3.jpg" /></a><br />
135. รูปที่ 3 ไฟล์ score2_2558 เก็บผลการเรียนวิชา คอมพิวเตอร์</div><br />
136. ตามข้อมูลตัวอย่าง นักเรียนรหัส 00755 มาแก้งานแล้ว และผลการเรียนใหม่ คือ 1 ผลการเรียนใหม่นี่แหละจะต้องบันทึกไว้ในไฟล์ตามรูปที่ 3 ด้วย(j40) จะพิมพ์เข้าไปตรงๆ เลยก็ได้ แต่มีวิธีที่ดูเป็นมืออาชีพมากกว่านั้นและการทำงานก็ไม่ซ้ำซ้อนด้วย นั่นคือโดยการใช้สูตรและอ้างอิงไฟล์ ที่ไฟล์ score2_2558 ตรงรายการของรหัส 00755 เซล j40 จึงต้องใส่สูตรและการอ้างอิงไฟล์แบบนี้ถึงจะได้ผลการเรียนใหม่ คือ 1 มา<br />
137. <br />
138. <b>=VLOOKUP(B40,<u>'E:\kru\58_2\[edit.xlsx]Sheet1'!$A$2:$E$1000</u>,3,0))</b><br />
139. <br />
140. &lt;b&gt;อาจดูงงๆ เนื่องจากมีสูตร VLOOKUP อยู่ด้วย ยังไม่ต้องสนใจสูตร ที่อยากให้เห็นก็แค่รูปแบบของการอ้างอิงต่างไฟล์ ซึ่งจะเหมือนกับรูปที่ 1 ทุกประการ&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/excel-file.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8m0nscdF2MbQinlFvjZKOvEzGq9YLpMAICJf0VkH6Qmo-OL5hZN25a0muSBMTMxWc3-U3n7EAPTuF77sn02LqkbmvGIXNZRzwXKJFNTe0XxQMko4EyFX1otJN0f7eL9vKa4UJvzMxM9w/s72-c/excel1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-5619681999224893751</guid><pubDate>Sun, 06 Mar 2016 09:47:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-03-06T18:54:45.477+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คลิปวีดีโอ</category><title>เจอคลิปโดนใจอยากเก็บไว้ อ่านเลย!</title><description>&lt;b&gt;คลิปในที่นี้หมายถึงคลิปวีดีโอในเฟสบุ๊ค ไม่ใช่คลิปที่เอามามาโพสต์จากเว็บไซต์อื่น คลิปวีดีโอที่อยู่บนเฟสบุ๊ค ครูป๋องขอแยกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรกคือคลิปวีดีโอที่มาจากเว็บไซต์อื่น เช่น YOUTUBE.COM เป็นต้น ประเภทที่สอง คือ คลิปวีดีโอที่ถูกอัพโหลดขึ้นที่เฟสบุ๊คโดยตรง บทความนี้พูดถึงคลิปวีดีโอประเภทที่สอง เริ่มเลยนะ&lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
141. <br />
142. 1. <b>หาที่อยู่ของคลิป</b> ทุกคลิปในเฟสบุ๊คไม่ต่างจากคลิปบนยูทูป คือ มีที่อยู่เป็นของตัวเอง เพียงแต่บนเฟสบุ๊คอาจเห็นไม่ชัดเจนเท่าไร วิธีง่ายๆ ที่จะได้ที่อยู่ของคลิปมา ทำได้โดย คลิ๊กเล่นคลิปนั้นก่อน ขณะที่คลิปเล่นอยู่ คลิ๊กเมาส์ปุ่มขวามือที่กลางคลิปเลย จะเห็นคำสั่ง Show video URL เลือกเลย แล้วคัดลอก URL ของคลิปวีดีโอเอาไว้ก่อน ทำเหมือนรูปที่ 1<br />
143. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3WrcKRSMqMUq0GfL5nb-DrSDNG7-T11H8MGU3C-D45_x8c7toUyZKST8EUFcbLQZg0iD35rOhvZNny4RYEbjmV_ijcE409IBGnFsC4I-7IywoRBVsxPXvDgD39cnfPsTDJpP3lz9mp1k/s1600/fbdown1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3WrcKRSMqMUq0GfL5nb-DrSDNG7-T11H8MGU3C-D45_x8c7toUyZKST8EUFcbLQZg0iD35rOhvZNny4RYEbjmV_ijcE409IBGnFsC4I-7IywoRBVsxPXvDgD39cnfPsTDJpP3lz9mp1k/s1600/fbdown1.jpg" /></a><br />
144. รูปที่ 1 แสดงให้เห็นถึงวิธีคัดลอก URL ของคลิป</div><br />
145. <a name='more'></a>2. <b>เข้าเว็บไซต์ FBDOWN</b> ตามที่อยู่นี้ <a href="http://fbdown.net/index.php" target="_blank">http://fbdown.net</a> อาจมีหลายวิธีหรือหลายเว็บไซต์ที่ใช้สำหรับดาวน์โหลดคลิปบนเฟสบุ๊ค แต่เว็บไซต์นี้ น่าจะง่ายและเพียงพอกับความต้องการแล้ว พอเข้าไปที่เว็บไซต์แล้วจะมีที่ว่างๆ ให้วาง URL ของคลิปวีดีโอลงไป ที่เขียนว่า Enter Facebook Video URL ... นั่นแหละ ใช่เลย คลิ๊กเมาส์ปุ่มขวามือแล้วเลือก วาง หรือ Paste ทำเหมือนรูปที่ 2<br />
146. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSCZVNTfpbvdLlODfyDvZ7N_AUm8OYy45zCfjJCmcEYekyEuCRxAGTWz74YeNaPRJJVy_pQT9sL4ZsDTGCG2_fZbTucaX1E4UUQ7siYZt-ms-Y8OT7_gjiPQwinhP_rFUsja_wBKMvdoc/s1600/fbdown2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhSCZVNTfpbvdLlODfyDvZ7N_AUm8OYy45zCfjJCmcEYekyEuCRxAGTWz74YeNaPRJJVy_pQT9sL4ZsDTGCG2_fZbTucaX1E4UUQ7siYZt-ms-Y8OT7_gjiPQwinhP_rFUsja_wBKMvdoc/s1600/fbdown2.jpg" /></a><br />
147. รูปที่ 2 วาง URL ของคลิปลงตรงนี้</div><br />
148. 3. <b>คลิ๊ก Download</b> แต่ยังไม่ใช่ดาวน์โหลดทันที (ไม่ต้อง งง เขาทำมาแบบนั้น) จะนำผู้อ่านไปอีกหน้าหนึ่ง ซึ่งเป็นที่สำหรับดาวน์โหลดจริงๆ จากนั้นมองหาลิงค์ 2 ลิงค์ แล้วเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ชอบละเอียดแบบธรรมดาก็ลิงค์แรก ชอบละเอียดสูงหน่อยก็ลิงค์ที่ 2 ลิงค์ 2 ลิงค์ที่ว่านั้นคืออะไรบ้าง รูปที่ 3 ทำไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อเลือกดาวน์โหลดอย่างใดอย่างหนึ่ง รอสักพัก ก็จะได้คลิปนั้นมาดั่งที่ใจต้องการ<br />
149. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjSROsoSdXv4dHzs3XLY5z7k_0Xk8xT09A2G8d4fgB0ov0J69VuIsev-fxA2d1gB9ny36wzu7S0Itu4geonLxWM1u1ifJtvQ_wxiLxyeaD2f_CC9lJimymtup1-ekDR8IxqXfSIdZ2e6Xs/s1600/fbdown3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjSROsoSdXv4dHzs3XLY5z7k_0Xk8xT09A2G8d4fgB0ov0J69VuIsev-fxA2d1gB9ny36wzu7S0Itu4geonLxWM1u1ifJtvQ_wxiLxyeaD2f_CC9lJimymtup1-ekDR8IxqXfSIdZ2e6Xs/s1600/fbdown3.jpg" /></a><br />
150. รูปที่ 3 ชอบความละเอียดแบบไหนเลือกเลย</div><br />
151. &lt;b&gt;คำเตือน อย่าใช้วิธีการนี้กับคลิปวีดีโอที่ไม่มีประโยชน์และขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม เพราะไวรัสอาจจะลงเครื่องก็เป็นได้ เตือนแล้วนะ!&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/fb-down.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3WrcKRSMqMUq0GfL5nb-DrSDNG7-T11H8MGU3C-D45_x8c7toUyZKST8EUFcbLQZg0iD35rOhvZNny4RYEbjmV_ijcE409IBGnFsC4I-7IywoRBVsxPXvDgD39cnfPsTDJpP3lz9mp1k/s72-c/fbdown1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-1604488082063297487</guid><pubDate>Sun, 06 Mar 2016 07:56:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-03-06T14:58:59.413+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">เท็กซ์ไฟล์</category><title>ชื่อไฟล์อยากนำมาใช้ ทำอย่างไร?</title><description>&lt;div class=&quot;separator&quot; style=&quot;clear: both; text-align: center;&quot;&gt;&lt;a href=&quot;https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRkTalZk3mS5l2pyhby4wuWCkc16KTL8bnddCPg8g2U7NBUegzCI84CStmwaftdse1DQMvC9LkkooEnXwrvinykz1yk5Te1c4qytRW9cisnd5stJ-0DRf7G3ZvCoxhmXxZMKdVE6hEYj4/s1600/jrdp1.jpg&quot; imageanchor=&quot;1&quot; style=&quot;margin-left: 1em; margin-right: 1em;&quot;&gt;&lt;img border=&quot;0&quot; src=&quot;https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRkTalZk3mS5l2pyhby4wuWCkc16KTL8bnddCPg8g2U7NBUegzCI84CStmwaftdse1DQMvC9LkkooEnXwrvinykz1yk5Te1c4qytRW9cisnd5stJ-0DRf7G3ZvCoxhmXxZMKdVE6hEYj4/s1600/jrdp1.jpg&quot; /&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
152. รูปที่ 1 โปรแกรม JDirPrinter</div><br />
153. <b>มีงานที่เกี่ยวข้องกับการนำชื่อไฟล์ไปใช้งาน ลองหาวิธีอยู่พักหนึ่ง ก็ได้โปรแกรมนี้มา หลักการของโปรแกรมเล็กๆ ตัวนี้คือเอาชื่อไฟล์มาเป็นข้อมูลในไฟล์ ในรูปแบบของเท็กซ์ไฟล์ หลังจากนั้นก็นำไปใช้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะทำเป็นรายงาน หรือนำเข้าไปใช้งานในโปรแกรมอื่นๆ</b><a name='more'></a><br />
154. <br />
155. ขอแสดงให้เห็นแบบเป็นขั้นเป็นตอน ดังต่อไปนี้<br />
156. 1. <b>ดาวน์โหลด</b> โปรแกรมก่อน ตามลิงค์นี้ <a href="https://drive.google.com/file/d/0B6FmAP87cMiWM2ZHSkhoYndfSEk/view?usp=sharing" target="_blank">โปรแกรม JDirPrinter</a><br />
157. <br />
158. 2. <b>ขยายโปรแกรม</b> ออกมา แล้วสั่งให้โปรแกรมทำงาน โดยดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ JDirPrinter.exe<br />
159. <br />
160. 3. <b>หน้าตาของโปรแกรม</b> จะได้ดั่งรูปที่ 1 ไม่มีอะไรซับซ้อน ตรง Directory ให้ใส่โฟลเดอร์ที่ต้องการนำชื่อไฟล์มาอยู่ในเท็กซ์ไฟล์ ตามตัวอย่างคือโฟลเดอร์ job2-m2 ซึ่งมีไฟล์อยู่ในนั้นหลายไฟล์ ตัวเลือก Display ตรงนี้สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้แสดงหรือไม่ให้แสดงอะไรบ้าง มีเครื่องถูกคือเลือก ไม่มีคือไม่เลือก<br />
161. <br />
162. 4. <b>เลือก Start</b> เมื่อกำหนดค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะได้เท็กซ์ไฟล์มา 1 ไฟล์ ชื่อไฟล์ DirPrint.txt เก็บอยู่ที่เดียวกับตัวโปรแกรม และมีข้อมูลที่เป็นชื่อไฟล์อยู่ในนั้น เหมือนรูปที่ 2 ซึ่งก็คือไฟล์ที่อยู่ในไฟลเดอร์ job2-m2 นั่นเอง<br />
163. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTdAW2Yd0X3lbsBiXcHmYDRL-te2rLvuLzgBSKkbxKReV9bu9K2e0REK_GFa7m3JZXA3Ogumh61izc7H8e8OIQyw0J4f4xINTdnWOafiLanmKN9rPRAnp1n92ET6ZK2RnJB3udbM_GPUg/s1600/jrdp2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTdAW2Yd0X3lbsBiXcHmYDRL-te2rLvuLzgBSKkbxKReV9bu9K2e0REK_GFa7m3JZXA3Ogumh61izc7H8e8OIQyw0J4f4xINTdnWOafiLanmKN9rPRAnp1n92ET6ZK2RnJB3udbM_GPUg/s1600/jrdp2.jpg" /></a><br />
164. รูปที่ 2 ตัวอย่างไฟล์ DirPrint.txt ที่ได้จากการใช้โปรแกรม</div><br />
165. &lt;b&gt;หวังว่าคงเป็นประโยชน์ ลองนำวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้งานตามสบาย มีอะไรไม่เคลียร์คอมเมนต์ถามมาได้&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/j-dir-printer.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRkTalZk3mS5l2pyhby4wuWCkc16KTL8bnddCPg8g2U7NBUegzCI84CStmwaftdse1DQMvC9LkkooEnXwrvinykz1yk5Te1c4qytRW9cisnd5stJ-0DRf7G3ZvCoxhmXxZMKdVE6hEYj4/s72-c/jrdp1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-7689826095641504414</guid><pubDate>Fri, 04 Mar 2016 01:28:00 +0000</pubDate><atom:updated>2016-03-04T10:11:09.590+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คลิปวีดีโอ</category><title>ง้ายง่ายโพสต์คลิปให้ใหญ่ขึ้น</title><description>&lt;b&gt;โพสต์คลิปวีดีโอจาก ยูทูป ใน เฟสบุ๊ค ปกติจะแค่คัดลอก URL หรือที่อยู่ของคลิปแล้วไปวาง ซึ่งจะได้ขนาดของคลิปวีดีโอที่มีขนาดเล็ก ดั่งรูปที่ 1&lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
166. <br />
167. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
168. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://www.facebook.com/groups/thaioldsong/" imageanchor="1" rel="nofollow" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" target="_blank"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0JvDsmVpiAL5SCEQ29D1QPzB2-lfJLF1aTLwjbBbrk3Ra1xQbFTvVIWjPKLUZMCA7VhTubbPa4tMEdaWgmz5xTOgFHqJ_xT4l3gUDhKWkwFyyiQJV6VIgNvpObeihnMyXOe-I4Jo0R3c/s1600/1.jpg" /></a></td></tr>
169. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><a href="https://www.facebook.com/groups/thaioldsong/" rel="nofollow" target="_blank">รูปที่ 1 โพสต์โดยใช้ WWW</a></td></tr>
170. </tbody></table>
171. <br />
172. <a name='more'></a>มีวิธีง่ายๆ ในการโพสต์เพื่อให้คลิปวีดีโอใหญ่และชัดเจนยิ่งขึ้น เหมือนรูปที่ 2<br />
173. <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
174. <tr><td style="text-align: center;"><a href="https://www.youtube.com/watch?v=2mKvi46edDU" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" target="_blank"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbgYBGTTuqxcdXPW3Tr3-CCVVw8-n7yGJ4GSs300al8FL7fQK7oddl1XjjWK1XRVL7FAJLpZ28Eupky4IgXxHMJ1NqxvczpFYll5YCfIxrZn6VYfZUlutdQg7tP6ofQUW3fhgbzVDcTns/s1600/2.jpg" /></a></td></tr>
175. <tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><a href="https://www.youtube.com/watch?v=2mKvi46edDU" target="_blank">รูปที่ 2 โพสต์โดยใช้ GAMING</a></td></tr>
176. </tbody></table>
177. <br />
178. จากรูปที่ 1 และ ที่ 2 หากสังเกตนิดหนึ่งในส่วนของ URL จะแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย นั่นคือ รูปแรกใช้ WWW ส่วนรูปที่ 2 ใช้ GAMING<br />
179. <br />
180. &lt;b&gt;หากต้องการให้คลิปที่โพสต์ใหญ่ขึ้น ก็แค่เปลี่ยน WWW เป็น GAMING แล้วค่อยนำไปโพสต์แค่นั้นเอง ง่ายดีจัง&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2016/03/big-clip.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0JvDsmVpiAL5SCEQ29D1QPzB2-lfJLF1aTLwjbBbrk3Ra1xQbFTvVIWjPKLUZMCA7VhTubbPa4tMEdaWgmz5xTOgFHqJ_xT4l3gUDhKWkwFyyiQJV6VIgNvpObeihnMyXOe-I4Jo0R3c/s72-c/1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-4704467005215706201</guid><pubDate>Wed, 23 Sep 2015 18:36:00 +0000</pubDate><atom:updated>2015-09-24T02:11:10.680+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">Excel 2007</category><title>นับแบบมีเงื่อนไขใน Excel</title><description>&lt;b&gt;ใน Excel มีฟังก์ชันที่เรียกว่า COUNTIF นับแบบมีเงื่อนไข เพื่อจัดการข้อมูลให้ตรงตามที่ต้องการมากที่สุด จะยกตัวอย่างการใช้งานแบบง่ายๆ ให้เห็น&lt;/b&gt;&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;&lt;br /&gt;
181. <br />
182. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpTl-e07WTwQj2SUmlGscAC3abVECr1ylDnsI3tCwBYfVEcuhpGSlk-sLR8LCbwKB_9_Jjgwbo2gMD7ln70K0PBdlEHtaH-1KjzqcDdcRfq_Rc7xc3dTfCgM_I4KxYBA1D-sbMULMZtBk/s1600/excel-countif-1.jpg" /></div><center><i>รูปที่ 1</i></center>จากรูปที่ 1 คอลัมน์ A และ B มีข้อมูล ซึ่งคือรหัสนักเรียนและวันที่ คอลัมน์ A มีรหัสซ้ำกันอยู่หลายรายการ ถ้าจะนับว่าแต่ละรหัสมีกี่รายการ ให้ใส่สูตรหรือฟังก์ชัน COUNTIF เข้าไปที่คอลัมน์ C ดังรูปที่ 2<br />
183. <br />
184. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBKQaS25K8mJef0PgyXw7REezmoJwUU-RDuZyN8nYVvXCAXN5E76IH_d844aUYjKIF_TII6sYZ6Wi2tmq2kc26J0vgv2fd8sGK0fNfijnEMlMh005feZL1kT6ShVJ37y7bBNdxTaYbCC4/s1600/excel-countif-2.jpg" /></div><center><i>รูปที่ 2</i></center>สูตรคือ =COUNTIF(A1:A40,A1) สิ่งที่อยู่ในสูตร A1:A40 ขอบเขตของการนับ ส่วน A1 คือนับรหัสที่อยู่ในเซลล์ A1 ถ้าจะนับแค่รหัสที่อยู่ในเซลล์ A1 ใส่สูตรเข้าไปแค่นั้นก็จบเลย มีกี่รายการจะได้ตัวเลขออกมาทันที แต่ถ้าจะนับรหัสอื่นด้วยก็คัดลอกสูตรลงไปจนถึง C40 เลย ผลที่ได้จะเป็นดั่งรูปที่ 3<br />
185. <br />
186. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img width="480" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1O2iH3gY-rpq6Cnti7bmtBa4UMuGtzzW63os0u268broO9onfbMZJhVSVyBQ2mkkGO_RLTKPFQKErpWYzaFNiK_9A96-lWeflMt-l3Gb1RYsTkdHrq0lf4PjW3sFGygYpKkl0ATayQzI/s1600/excel-countif-3.jpg" /></div><center><i>รูปที่ 3</i></center>จากรูปที่ 3 ถ้าสังเกตุให้ดีข้อมูลจำนวนรายการของแต่ละรหัสที่ถูกต้องจริงๆ คือ รายการแรก เช่น รหัส 00312 จำนวนที่ถูกต้องจริงๆ คือ 14 คือมี 14 รายการนั่นเอง แถวถัดไปของการนับซึ่งเป็นรหัสเดียวกันจะไม่ถูกต้อง เพราะสูตรจะไม่นับแถวที่นับผ่านไปแล้ว<br />
187. <br />
188. วิธีแก้ปัญหาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำจริงๆ สำหรับกรณีเช่นนี้ ไม่ยาก Excel มีทางออกให้เสมอ ก่อนอื่นให้แปลงข้อมูลที่ได้จากสูตรซึ่งอยู่ที่คอลัมน์ C ให้เป็นค่า โดยการเลือกตั้งแต่เซลล์ C1 จนถึง C40 จากนั้นให้คลิ๊กขวาขึ้นมาเพื่อเลือกคำสั่งคัดลอก เลื่อนตัวชี้เมาส์ให้ตรงเซลล์ C1 แล้วคลิ๊กขวาอีกที เลือกคำสั่ง วางแบบพิเศษ แล้วเลือก ค่า ตอบ ตกลง เพียงเท่านี้สูตรก็กลายเป็นค่าแล้ว<br />
189. <br />
190. เมื่อสูตรกลายเป็นค่าแล้ว ให้ไปที่คำสั่ง ข้อมูล แล้วมองหาคำสั่ง เอารายการที่ซ้ำกันออก เมื่อคลิ๊กเลือกจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมาถามดั่งรูปที่ 3 ให้คงเครื่องหมายถูกไว้เฉพาะคอลัมน์ A แล้วตอบ ตกลง จากนั้นจะมีการแจ้งให้ทราบว่ามีค่าซ้ำเท่าไร และเมื่อเอาออกแล้วเหลือเท่าไร<br />
191. <br />
192. <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2T9NnYBTxKxOsTR0x7sdQ-ZWG4SkwgYPYoL77Vy5hwPgd-nCKDleBOVlc6XWlUrt0I94ZT72_BQOaPR9P29bmRlldjfY2fIYiFqu6MWSspAn9b_AcqpK2R8CkJoNxY_M3XqOpna1oHkY/s1600/excel-countif-4.jpg" /></div><center><i>รูปที่ 4</i></center>รูปที่ 4 แสดงให้เห็นถึงข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความต้องการ แต่ละรหัสมีกี่รายการผลลัพธ์จะอยู่ที่คอลัมน์ C แม้จะตัดรหัสที่ซ้ำกันออกไปแล้ว จำนวนที่นับได้ก็คือจำนวนที่ถูกต้องจริงๆ<br />
193. <br />
194. &lt;b&gt;จากที่เขียนมาให้อ่านได้ความรู้อยู่ 2 เรื่องคือ COUNTIF กับ เอารายการที่ซ้ำกันออก หวังว่าคงทำความเข้าใจตามได้และนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2015/09/excel-countif.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpTl-e07WTwQj2SUmlGscAC3abVECr1ylDnsI3tCwBYfVEcuhpGSlk-sLR8LCbwKB_9_Jjgwbo2gMD7ln70K0PBdlEHtaH-1KjzqcDdcRfq_Rc7xc3dTfCgM_I4KxYBA1D-sbMULMZtBk/s72-c/excel-countif-1.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-1580571082707945012</guid><pubDate>Tue, 21 Aug 2012 00:25:00 +0000</pubDate><atom:updated>2012-08-23T00:02:27.302+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">ภาษา HTML</category><title>iframe ดึงหน้าเว็บอื่นมาใส่หน้าเว็บเรา</title><description>&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/08/foriframe.gif&quot; align=&quot;center&quot; title=&quot;การใช้คำสั่ง iframe&quot;/&gt;&lt;/div&gt;&lt;font size=&quot;5&quot; color=&quot;#e69138&quot;&gt;iframe เป็น Tag สำหรับดึงหน้าเว็บอื่นมาแสดงบนหน้าเว็บเรา รูปแบบคำสั่งคล้ายๆ กับ tag img ที่ใช้แสดงรูปบนหน้าเว็บ เพียงแต่ tag iframe มี tag ปิดที่เป็นรูปแบบมาตรฐาน ส่วน tag img ไม่ต้องมี&lt;/font&gt;&lt;br /&gt;
195. <br />
196. <font size="3"><div align="center"><textarea rows="1" cols="60"><iframe src="url"></frame></textarea></div><div align="center"><textarea rows="1" cols="60"><img src="url"/></textarea></div>รูปแบบคำสั่งที่แตกต่างกันระหว่าง tag iframe กับ tag img<a name='more'></a><br />
197. <br />
198. tag iframe เขียนแบบง่ายๆ อย่างนี้<br />
199. <br />
200. <div align="center"><textarea rows="2" cols="80"><iframe src="http://www.rsonlinemusic.com/album.php?album_id=2150" width="500" height="85" scrolling="yes"></iframe></textarea></div>จากรูปแบบคำสั่งเป็นการดึง url http://www.rsonlinemusic.com/album.php?album_id=2150 มาแสดง และมี Option ควบคุมคือ width (ความกว้าง) height (ความสูง) scrolling (แสดงกรอบ)<br />
201. <div align="center"><a href="http://www.thainow.info/krupong/html-3-00999.html" target="_blank"><b>คลิ๊กเพื่อดูตัวอย่างการแสดงผล</b></a></div><br />
202. เป็นธรรมดาของ tag ที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ที่จะมี Option เพิ่มเติมมากมาย tag iframe ก็เหมือนกันถือเป็น tag ขนาดใหญ่และนิยมนำมาใช้งานอย่างแพร่หลาย มี Option ที่นิยมใช้งาน ดังนี้<br />
203. <br />
204. <font color="red">src="xxx" สำหรับใส่ลิงค์หรือ url อื่น<br />
205. height="xxx" กำหนดความสูง หน่วยเป็นตัวเลข<br />
206. width="xxx" กำหนดความกว้าง หน่วยเป็นตัวเลข หรือ เปอร์เซ็นต์<br />
207. scrolling="xxx" เกี่ยวกับ scrollbar กำหนด yes ให้มี no ไม่ต้องมี auto อัตโนมัติ<br />
208. frameborder="xxx" เกี่ยวกับกรอบ นิยมกำหนดเป็น 0,1 หรือ yes กับ no<br />
209. bordercolor="xxx" สีของกรอบ ให้ใส่โค้ดของสีนั้นๆ</font><br />
210. <br />
211. Option ของ tag iframe มีมากกว่านี้ แต่ที่นำมาแสดงก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการนำมาใช้งานทั่วไป หากมีโอกาสคงจะได้พูดถึงมากกว่านี้<br />
212. <br />
213. คำสั่งข้างล่างนี้แสดงตัวอย่างการใช้ tag iframe ดึงข่าวมาแสดง และผลที่ได้อยู่ในส่วนถัดไป<br />
214. <div align="center"><textarea rows="2" cols="80"><iframe frameborder="0" scrolling="No" width="100%" height="300" src="http://lms.umt.ac.th/umtnew/Announcemen/newsupdate.html"></iframe></textarea></div><br />
215. <iframe frameborder="0" scrolling="No" width="100%" height="300" src="http://lms.umt.ac.th/umtnew/Announcemen/newsupdate.html"></iframe><br />
216. <b>ตัวอย่างใช้ iframe ดึงข่าวมาแสดง</b><br />
217. <br />
218. จะเห็นว่าสามารถนำ tag iframe มาประยุกต์ใช้ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการดึงหน้าเว็บที่เป็นเพลง เป็นข่าว ตามตัวอย่างที่แสดงให้เห็นนั้น ทำความเข้าใจในรูปแบบคำสั่งและ Option ต่างๆ ให้แจ่มแจ้ง จะได้เป็นประโยชน์ในการทำเว็บไซต์ต่อไป.<br />
219. &lt;/font&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/08/html-tag-iframe.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-5017918382818039295</guid><pubDate>Sun, 08 Jul 2012 23:57:00 +0000</pubDate><atom:updated>2012-07-09T07:01:21.522+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">Excel 2007</category><title>ซ่อน ลบ ตรึงแนว แถวและคอลัมน์ Excel</title><description>&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/excel_job1_0.png&quot; title=&quot;excel 2007&quot;/&gt;&lt;br/&gt;รูปที่ 1 แสดงการซ่อนคอลัมน์&lt;/div&gt;
220.  
221. <p>
222. <font size="5" color="#e69138">แถวและคอลัมน์บน Excel นั้นมีมากจนใช้ไม่หมด มาดูกันว่าคำสั่งสำหรับจัดการเพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้นที่ควรทราบและฝึกให้คล่องมีอะไรบ้าง</font>
223. <p>
224.  
225. <font size="3">
226. <p>
227. <b>ซ่อนแถวและคอลัมน์</b><br/>
228.            กรณีที่ข้อมูลมีจำนวนแถวและคอลัมน์เยอะๆ คำสั่งนี้มีประโยชน์มาก เป็นการกรองดูข้อมูลเฉพาะส่วนที่ต้องการ ที่ไม่ต้องการจะปิดเอาไว้ รูปที่ 1 หากมองดูแค่ผิวเผินโดยไม่ได้สังเกตุให้ดีจะเห็นว่าเหมือนไม่มีอะไรพิเศษเป็นแค่ตารางข้อมูลธรรมดา แต่สิ่งที่ถูกปิดเอาไว้มีหลายคอลัมน์ นั่นคือตั้งแต่คอลัมน์ E จนถึงคอลัมน์ P รวมแล้ว 11 คอลัมน์ที่ถูกซ่อนหรือปิดเอาไว้ ตามข้อมูลตัวอย่างหากต้องการปรับปรุง แก้ไข หรือดู ข้อมูลแบบฝึกหัด 4 ของนักเรียน (คอลัมน์ Q) ใช้วิธีซ่อนคอลัมน์ที่ไม่ต้องการไว้จะทำให้ดูและจัดการง่าย เกิดความผิดพลาดน้อย วิธีซ่อนแถวและคอลัมน์ใน Excel นั้นทำได้ง่ายมาก แค่ใช้เมาส์คลิ๊กตรงชื่อแถวและคอลัมน์ที่ต้องการ จากนั้นคลิ๊กเมาส์ปุ่มขวาจะมีคำสั่ง ซ่อน ให้เลือกใช้งานเลย ให้มือนิ่งๆ อย่าให้การเลือกถูกยกเลิกในขณะที่คลิ๊กเมาส์ปุ่มขวา และกรณีที่ต้องการซ่อนหลายคอลัมน์ หลายแถว ก็ใช้เมาส์ลากคลุมไปเลย<br/><a name='more'></a>
229.  
230.            เมื่อซ่อนได้ก็ต้องสั่งให้แสดงได้ มาดูว่าทำอย่างไร มีวิธีง่ายๆ อีกเหมือนกัน แค่ใช้เมาส์ลากคลุมตั้งแต่ <u>คอลัมน์ก่อนคอลัมน์ที่ซ่อนอยู่</u> ไปจนถึง <u>คอลัมน์หลังคอลัมน์ที่ซ่อนอยู่</u> อย่างเช่น ตามตัวอย่างรูปที่ 1 คอลัมน์ก่อนคอลัมน์ที่ซ่อน คือ คอลัมน์ D หลังคอลัมน์ที่ซ่อนอยู่ คือ คอลัมน์ P เพราะฉะนั้น คอลัมน์ที่ต้องเลือกเพื่อยกเลิกการซ่อนก็คือ คอลัมน์ D กับ คอลัมน์ P นั่นเอง จากนั้นคลิ๊กเมาส์ปุ่มขวาแล้วเลือกคำสั่ง ยกเลิกการซ่อน แค่นั้นก็เป็นอันเรียบร้อย ตามที่อธิบายพร้อมยกตัวอย่างมานั้น พูดถึงเฉพาะในส่วนของคอลัมน์ สำหรับแถวนั้นก็มีวิธีการที่ไม่แตกต่างกัน ลองไปฝึกดูด้วยตนเองด้วยวิธีเดียวกันกับคอลัมน์
231. <p>
232.  
233. <p>
234. <b>ลบแถวและคอลัมน์</b><br/>
235.            คำสั่งลบแถวและคอลัมน์นั้นจริงๆ แล้ว ไม่ได้หมายถึงแถวและคอลัมน์จะลบออกไปจากโปรแกรม Excel ไม่ว่าจะลบสักกี่ครั้งแถวและคอลัมน์ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่หายไปคือข้อมูลที่อยู่ในแถวหรือคอลัมน์นั้นเท่านั้น เพียงแต่่ว่าในขณะที่ลบจะดูเหมือนว่าแถวหรือคอลัมน์ถูกลบออกไป เพราะแถวหรือคอลัมน์ที่อยู่ถัดไปเข้ามาแทนที่นั่นเอง วิธีการลบนั้นง่ายมาก ให้เลือกแถวหรือคอลัมน์ที่ต้องการ หากเป็นการเลือกหลายแถวหลายคอลัมน์ก็ให้ลากเมาส์คลุมไปให้ครบ กรณีที่ไม่ได้อยู่ติดกันก็ให้ใช้ปุ่ม Ctrl ช่วย ด้วยการกดแช่ไว้แล้วใช้เมาส์คลิ๊กไปยังแถวหรือคอลัมน์ที่ต้องการ จากนั้นในขณะที่การเลือกยังไม่ถูกยกเลิกให้คลิ๊กเมาส์ปุ่มขวามือจะมีคำสั่ง Delete ให้เลือก จากรูปที่ 1 ถ้าลบแถวที่ 10 และ 11 ข้อมูลในแถวจะหายไป ข้อมูลแถวที่ 12 และ 13 จะขยับขึ้นมาแทนที่ทันที
236. </p>
237.  
238. <p>
239. <b>ตรึงแนว</b><br/>
240.            การตรึงแนวช่วยให้การทำงานกับตารางข้อมูลง่ายขึ้น เป็นการล็อคแถวหรือคอลัมน์ไม่ให้เลื่อนหายไปจากหน้าจอ ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอไปยังจุดไหนของตางรางข้อมูล ส่วนที่ล็อคหรือตรึงแนวไว้จะเห็นอยู่เสมอ การตรึงแนวมี 3 แบบ<br/>
241.  
242. <div align="center"><img src="http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/excel_job1_1.png" title="excel 2007"/><br/>รูปที่ 2 กลุ่มคำสั่งตรึงแนว</div>
243.  
244.            <u>แบบที่ 1</u> ตรึงแนวตรงจุดที่ต้องการ ให้เลือกเซลล์ที่จะตรึงแนว แล้วไปที่ มุมมอง แล้วเลือก ตรึงแนว และ ตรึงแนว อีกที จะเป็นการตรึงแนวทั้งแถวและคอลัมน์ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าการตรึงแนวนั้นอยู่ที่เซลล์ใด การตรึงแนวแบบนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น ไม่ตายตัว จะทำตรงเซลล์ไหนก็ได้ จากข้อมูลตัวอย่างรูปที่ 1 หากจุดตรึงแนวอยู่ที่เซลล์ B6 ผลลัพธ์ที่ได้คือ แถวที่ 5 ย้อนกลับไปจนถึงแถวที่ 1 จะถูกตรึงแนวเอาไว้ทั้งหมด และนอกจากแถวแล้วคอลัมน์ A ก็จะถูกตรึงแนวเอาไว้ด้วยเช่นกัน<br/>
245.  
246.            <u>แบบที่ 2</u> ตรึงแถวบนสุด แบบนี้ง่าย ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย อยากตรึงก็ตรึงได้โดยทันทีทันใด ไม่ต้องสนใจว่าการทำงานอยู่ที่เซลล์ไหน ไปที่ มุมมอง แล้วเลือก ตรึงแถวบนสุด เพียงเท่านั้นแถวบนสุดก็จะถูกตรึงไว้เป็นที่เรียบร้อย<br/>
247.  
248.            <u>แบบที่ 3</u> ตรึงคอลัมน์แรก มีวิธีการเดียวกับแบบที่ 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการตรึงแถวมาเป็นคอลัมน์แทน คอลัมน์ที่จะถูกตรึงไว้ก็คือ คอลัมน์ A นั่นเอง<br/>
249.  
250.            สำหรับการยกเลิกการตรึงแนวนั้น จะมีคำสั่ง ยกเลิกตรึงแนว ให้เลือก หากมีการตรึงแนวแบบใดแบบหนึ่ง ก็ให้ไปที่ มุมมอง ตรึงแนว และเลือก ยกเลิกตรึงแนว ได้เลย
251. </p>
252.  
253. <p>
254.            <b>ซ่อน ลบ ตรึงแนว แถวและคอลัมน์</b> ฝึกใช้งานให้คล่อง จะช่วยให้ทำงานได้เร็วและสะดวกสบายในการใช้งานโปรแกรม Excel ข้อมูลบนตารางงานไม่ว่าจะมากมายแค่ไหนก็ตาม จะไม่น่ากลัวและไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปหากเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในคำสั่งดั่งที่ได้อธิบายมานั้น
255. </p>
256. &lt;/font&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/07/hide-delete-freeze-panes-excel.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-6462810990375160121</guid><pubDate>Thu, 05 Jul 2012 14:53:00 +0000</pubDate><atom:updated>2017-02-17T22:00:59.128+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">Word 2007</category><title>จดหมายเวียน</title><description>&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/merge4.jpg&quot; title=&quot;จดหมายเวียน&quot;/&gt;&lt;/div&gt;&lt;font size=&quot;5&quot; color=&quot;#e69138&quot;&gt;จดหมายเวียน คือ จดหมายที่มีเนื้อหาเดียว มีผู้รับหลายคน หรือจดหมายที่มีข้อความในจดหมายแตกต่างกันเฉพาะบางส่วนเท่านั้น เช่น จดหมายเชิญประชุม เชิญร่วมงานสำคัญต่างๆ ที่มีเนื้อหาในจดหมายเหมือนกันหมด แตกต่างเฉพาะชื่อและที่อยู่ผู้รับเท่านั้น&lt;/font&gt;  &lt;font size=&quot;3&quot;&gt; &lt;p&gt;ลักษณะของจดหมายเวียนในโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด ประกอบไปด้วยเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง คือ&lt;a name=&#39;more&#39;&gt;&lt;/a&gt;  &lt;font color=&quot;#e69138&quot;&gt; จดหมาย ข้อมูลผู้รับ และการผสาน &lt;/font&gt;  ขั้นตอนการทำง่ายๆ ก็เพียงแค่เริ่มตามลำดับของ 3 เรื่องนั้น&lt;/p&gt;&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/merge1.jpg&quot; width=&quot;500&quot; title=&quot;mail merge&quot;/&gt;&lt;br /&gt;
257. รูปที่ 1 ตัวอย่างจดหมาย</div><p><b>1.</b> เปิดโปรแกรมขึ้นมาพิมพ์จดหมายและจัดรูปแบบให้เรียบร้อย เว้นจุดที่ต้องใส่ข้อมูลเหมือนกันไว้ เช่น ชื่อ-นามสกุลผู้รับ รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างเนื้อหาของจดหมายแบบง่ายๆ จะเห็นว่าส่วนที่ต้องใส่ข้อมูลเหมือนกันจะเว้นไว้ นั่นคือ ชื่อ-นามสกุล ผู้ปกครองนักเรียน วันที่นัด และสาเหตุของการเชิญ เมื่อพิมพ์จดหมายเสร็จและจัดรูปแบบเรียบร้อยแล้วให้บันทึกไว้ก่อน ตามตัวอย่างบันทึกไฟล์ชื่อ source.docx</p><div align="center"><img src="http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/merge2.jpg" width="500" title="mail merge"/><br />
258. รูปที่ 2 ตัวอย่างการเตรียมเขตข้อมูล</div><p><b>2.</b> ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่ 2 นั่นคือข้อมูลผู้รับ จะว่าไปในการใช้งานจริงๆ จะไม่ได้มีเฉพาะชื่อ-นามสกุลเท่านั้น ตามตัวอย่างจดหมายรูปที่ 1 จะมีวันที่และสาเหตุของการเชิญด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของจดหมายเป็นสำคัญ เรียกโดยรวมว่าคือส่วนของข้อมูลก็แล้วกัน ไปที่ การส่งจดหมาย ->เลือกผู้รับ->พิมพ์รายชื่อใหม่ จะเปิดหน้าต่างเพื่อให้พิมพ์รายชื่อ รายการที่ต้องพิมพ์นั้นหากไม่ตรงกับลักษณะของจดหมาย แนะนำให้เลือก กำหนดคอลัมน์เอง โดยกำหนดเฉพาะเขตข้อมูลที่ต้องใช้ เขตข้อมูลสามารถเพิ่ม-ลบได้ตามต้องการ รูปที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการเตรียมเขตข้อมูลที่เข้ากับจดหมายและตัวอย่างข้อมูลที่เพิ่มเข้าไปแล้ว เมื่อข้อมูลผู้รับเรียบร้อยครบถ้วนตามต้องการก็ให้กด ตกลง โปรแกรมจะให้บันทึกข้อมูลนี้ก็ให้ใส่ชื่อสำหรับจัดเก็บตามต้องการ ตัวอย่างตามรูปบันทึกเป็นชื่อ data.mdb เมื่อมีข้อมูลผู้รับอยู่ในระบบแล้วจะสังเกตุเห็นได้ว่าคำสั่งต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่ม เขตและแทรกเขตข้อมูลจะพร้อมให้ใช้งาน (ไม่มีข้อมูลจะยังใช้ไม่ได้) เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนยังไม่ต้องไปสนใจส่วนอื่น ให้สนใจเฉพาะคำสั่ง แทรกเขตข้อมูลผสาน พอคลิ๊กที่คำสั่งจะเห็นเขตข้อมูลที่เราได้เตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือให้แทรกเข้ามาที่จดหมายตรงจุดของจดหมายที่ได้เว้นไว้ตั้งแต่แรก รูปที่ 3 แสดงจดหมายที่มีการแทรกเขตข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว</p><div align="center"><img src="http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/merge3.jpg" width="500" title="mail merge"/><br />
259. รูปที่ 3 ตัวอย่างจดหมายที่แทรกเขตข้อมูลแล้ว&lt;/div&gt;&lt;p&gt;&lt;b&gt;3.&lt;/b&gt; ขั้นตอนสุดท้ายของการทำจดหมายเวียน ก็คือการผสาน เป็นการทำให้ 2 ขั้นตอนก่อนหน้านี้ผสมผสานกันเพื่อนำผลลัพธ์ไปใช้งาน ก่อนผสานเข้าด้วยกันสามารถดูผลลัพธ์ก่อนได้โดยใช้คำสั่งที่อยู่ในกลุ่ม แสดงตัวอย่างผลลัพธ์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็ข้ามไปที่คำสั่งรายการสุดท้ายได้เลย คือ เสร็จสิ้นและผสาน พอคลิ๊กที่คำสั่งนี้จะมีทางให้เลือก 3 ทาง คือ ส่งผลลัพธ์ไปที่ไฟล์เอกสารเวิร์ดอีกไฟล์ 1 ส่งไปทางเครื่องพิมพ์ และส่งไปที่อีเมล์ ก็เลือกได้ตามต้องการ แต่ตามตัวอย่างจะเลือก แก้ไขแต่ละเอกสาร ซึ่งก็คือจะส่งผลลัพธ์ไปเป็นไฟล์นั่นเอง จะมีให้เลือกว่าจะผสานทั้งหรือเลือกเฉพาะระเบียนที่ต้องการ เมื่อเลือกแล้วก็ตอบ ตกลง ก็จะเป็นการเริ่มต้นของการผสาน ไม่นานนักก็จะได้ไฟล์ผลลัพธ์ตามต้องการ ก็ให้บันทึกเก็บไว้ใช้งานต่อไป&lt;/p&gt;วิธีสังเกตุง่ายๆ ว่าทำถูกต้องหรือไม่ ให้ดูที่ไฟล์ผลลัพธ์จะต้องมีจำนวนหน้าเท่ากับจำนวนคนที่เป็นผู้รับจดหมาย เช่น ตามตัวอย่างมี 5 คน หรือ 5 รายการ จดหมายผลผลัพธ์ก็ต้องมี 5 หน้าถึงจะถือว่าทำถูกต้อง &lt;/font&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/07/mail-merge.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-2337203685846121066</guid><pubDate>Mon, 02 Jul 2012 08:19:00 +0000</pubDate><atom:updated>2012-07-05T22:30:12.775+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">ภาษา HTML</category><title>จุดเชื่อมโยงบนหน้าเว็บ</title><description>&lt;div align=&quot;center&quot;&gt;&lt;img src=&quot;http://www.thainow.info/krupong/wp-content/uploads/2012/07/blog_link.png&quot; title=&quot;ลิงค์บนหน้าเว็บ&quot; align=&quot;top&quot;/&gt;&lt;/div&gt;&lt;font size=&quot;5&quot; color=&quot;#e69138&quot;&gt;&lt;a name=&quot;top&quot;&gt;ก่อนไปถึงคำสั่ง&lt;/a&gt;หรือ tag สำหรับทำจุดเชื่อมโยง มาเข้าใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ให้เข้าใจตรงกันก่อน&lt;/font&gt;
260.  
261. <font size="3">
262. ถ้าพูดถึง เว็บไซต์ หมายถึงส่วนประกอบทั้งหลายทั้งปวงของเว็บไซต์เว็บหนึ่ง ต่างกันกับคำว่า เว็บเพจ หรือหน้าเว็บ ตรงที่มันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของเว็บไซต์เว็บหนึ่งเท่านั้น พูดให้ชัดๆ ก็คือเป็นแค่หน้าๆ หนึ่งของเว็บไซต์นั่นเอง การทำลิงค์หรือจุดเชื่อมโยงนั้นไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องโยงไปยังภายนอกเว็บ ไม่ได้มีเฉพาะการทำลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่นๆ เท่านั้น มีคำสั่ง หรือ tag หรือ attribute ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงภายในหน้าเว็บด้วยเหมือนกัน<a name='more'></a>
263.  
264. <p>
265. <b>รูปแบบคำสั่ง</b>
266. <div align="center">
267. <textarea rows="1" cols="50">
268. <a name="ชื่อจุดเชื่อมโยง">ข้อความ</a>
269. </textarea></div>
270.  
271. รูปแบบคำสั่งข้างบน เป็นการกำหนดจุดเชื่อมโยงไว้ก่อนภายในหน้าเว็บจุดไหนก็ได้ ชื่อจุดเชื่อมโยงแนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษ เช่น top,bottom เป็นต้น เมื่อได้จุดเชื่อมโยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำลิงค์หรือการโยงไปหายังจุดนั้น โดยมีรูปแบบคำสั่งแบบนี้
272.  
273. <div align="center">
274. <textarea rows="2" cols="50">
275. <a href="#ชื่อจุดเชื่อมโยง" title="คำอธิบายลิงค์">ข้อความที่เป็นจุดลิงค์</a>
276. </textarea></div>
277.  
278.  
279. <b>ตัวอย่าง</b>
280. <div align="center">
281. <textarea rows="2" cols="50">
282. <a name="top">ก่อนไปถึงคำสั่ง</a>...,<a href="#top" title="go to top"><b>ไปข้างบน</b></a>
283. </textarea></div>
284.  
285. ตามตัวอย่างเป็นการสร้างจุดเชื่อมโยงไว้ที่ข้อความแรกๆ ของบทความนี้ ชื่อจุดเชื่อมโยงคือ top และมีการทำลิงค์เพื่อโยงไปหาไว้ที่ท้ายๆ ของบทความ ลองคลิ๊กที่ <b>ไปข้างบน</b> ข้างล่างบทความนี้ดู หน้าจอจะเลื่อนไปยังจุดที่สร้างการเชื่อมโยงไว้ นั่นแหละคือผลของการสร้างความเชื่อมโยงตามตัวอย่าง
286. </p>
287.  
288. <p>
289. <b>สรุปคือ</b> การทำลิงค์ไม่ว่าจะภายในหน้าเว็บ หรือลิงค์ไปนอกเว็บ ใช้ tag a เหมือนกัน ต่างกันตรงที่ใช้การ attribute ภายใน tag ดังที่ยกตัวอย่างให้ดูมานั้น ไปดูตัวอย่างการเชื่อมโยงบนหน้าเว็บชัดๆ อีกที <a href="http://www.thainow.info/krupong/html-job1-00999.html" target="_blank">ที่เว็บครูป๋อง หน้านี้</a>
290. </p>
291. </font>
292.  
293. &lt;div align=&quot;right&quot;&gt;&lt;a href=&quot;#top&quot; title=&quot;go to top&quot;&gt;&lt;b&gt;ไปข้างบน&lt;/b&gt;&lt;/a&gt;&lt;/div&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/07/link-on-page.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-3577248969251503031</guid><pubDate>Sun, 10 Jun 2012 07:38:00 +0000</pubDate><atom:updated>2017-02-17T22:01:26.937+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">ทั่วไป</category><title>พิมพ์สัมผัสทักษะที่ไม่ควรมองข้าม</title><description>&lt;div class=&quot;separator&quot; style=&quot;clear: both; text-align: center;&quot;&gt;&lt;img border=&quot;0&quot; src=&quot;https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmTWq3YndNUXNeNZlXl1dtyiGyRP6r_YOStwqngLjmrkhTjJc9EmC6NhyZeoz9RN1sBbMYNQaWthm9YJmf1Lns6nQFyO3FT4LNcBapSqa423bfRzUidHuDMEVJGohxJQ2fcxBveFgdEug/s1600/typing.jpg&quot; /&gt;&lt;/div&gt;&lt;b&gt;ก่อนยุคของระบบปฏิบัติวินโดว์ที่มีหน้าตาสวยๆ งามๆ ใช้งานง่าย อย่างที่เห็นทุกวันนี้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะใช้คำสั่งอะไรก็ตามมักจะพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดเป็นสำคัญ เรียกว่าเป็นยุคของ DOS เจ้า DOS เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นพี่ของวินโดว์ มี Dos ก่อนถึงค่อยมามีวินโดว์&lt;/b&gt;&lt;br /&gt;
294. <br />
295. เนื่องจาก Dos เป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นพิมพ์คำสั่งและด้วยความที่ต้องมาจิ้มพิพม์คำสั่งทีละตัวบนคีย์บอร์ด ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญแก่ตนเองเป็นอย่างมาก เลยตัดสินใจไปหาตำราฝึกพิมพ์สัมพัสมาศึกษา ใช้เวลาไม่นานนัก ก็ได้ทักษะนี้มาอย่างคล่องแคล่วพอสมควร ทำให้อะไรๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ง่ายขึ้นเยอะ<br />
296. <br />
297. <a name='more'></a>วันดีคืนดีคิดสนุกขึ้นมาอยากรู้ว่าทักษะที่ตัวเองฝึกฝนมานั้นจะถูกต้องตามหลักสากลนิยมหรือไม่ เลยลองสมัครเข้าไปเรียนโรงเรียนฝึกพิมพ์ดีดที่ทางกระทรวงศึกษาธิการรับรองแห่งหนึ่ง อยู่แถวสะพานหัวช้าง ราชเทวี สมัครเสร็จบอกเขาว่าขอสอบเลย ทางโรงเรียนเขาก็จัดให้ ใช้เวลาไม่นานมากนัก คุณครูคนสวยก็บอกว่า "พรุ่งนี้ให้มารับใบประกาศได้เลย สอบผ่านแล้ว" เล่าให้ฟังแค่อยากจะบอกว่าทักษะบางอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องมีคนสอน สามารถที่จะขวนขวายให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง พูดอีกนัยหนึ่งก็คือเรื่องบางเรื่องแม้ตัวเองก็เป็นครูของตัวเองได้<br />
298. <br />
299. เด็กสมัยนี้หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็พบเห็นมาเยอะ พิมพ์สัมผัสไม่ค่อยเป็นกัน สาเหตุที่เห็นได้ชัดประการหนึ่งก็คือ มีอุปกรณ์ที่ส่งเสริมเรื่องการจิ้มออกมาให้ได้จิ้มมากมาย เช่น พวกสมาร์ทโฟนต่างๆ ตลอดจนคอมพิวเตอร์ก็ถูกย่อส่วนให้เล็กลง จึงมีทางเดียวคือต้องจิ้มเท่านั้น จึงไม่แปลกนักที่จะถนัดแต่จิ้มไม่ถนัดพิมพ์สัมผัส แบบนั้นก็ว่ากันไป อุปกรณ์มันบังคับ แต่หากมีโอกาสได้ใช้หรือได้จับคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะอันเป็นขนาดมาตรฐานมาตั้งแต่ดั้งเดิม อย่ามองข้ามเรื่องพิมพ์สัมผัส ฝึกๆ ให้คล่อง ให้เร็ว ให้ถูกต้องตามหลักการ ไว้บ้างก็จะเป็นประโยชน์ต่อไปในภายภาคหน้า ไปสมัครงานเขาไม่ถามนะว่า มีความสามารถจิ้มได้กี่คำต่อนาที มีแต่ถามว่าพิมพ์สัมผัสได้กี่คำต่อนาที เสียสละเวลาฝึกสักระยะหนึ่ง เมื่อฝึกจนคล่องแล้วยังไงก็ไม่มีลืม ประมาณว่าเป็นแล้วเป็นเลย<br />
300. <br />
301. &lt;b&gt;เก่งคอมพิวเตอร์แค่ไหนก็ตาม หากเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์แล้วมัวแต่มองคีย์บอร์ดเพื่อหาปุ่มมาจิ้ม ก้มๆ เงยๆ ยังไงก็ดูไม่ดี ทิ้งท้ายไว้แค่นี้ก็แล้วกัน&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/06/touch-type.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author><media:thumbnail xmlns:media="http://search.yahoo.com/mrss/" url="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhmTWq3YndNUXNeNZlXl1dtyiGyRP6r_YOStwqngLjmrkhTjJc9EmC6NhyZeoz9RN1sBbMYNQaWthm9YJmf1Lns6nQFyO3FT4LNcBapSqa423bfRzUidHuDMEVJGohxJQ2fcxBveFgdEug/s72-c/typing.jpg" height="72" width="72"/></item><item><guid isPermaLink="false">tag:blogger.com,1999:blog-8956099588897130580.post-4541015764443347392</guid><pubDate>Sat, 09 Jun 2012 06:12:00 +0000</pubDate><atom:updated>2012-06-10T23:39:38.001+07:00</atom:updated><category domain="http://www.blogger.com/atom/ns#">คอมพิวเตอร์</category><title>อย่ากลัวที่จะเรียนคอมพิวเตอร์</title><description>&lt;img border=&quot;0&quot; height=&quot;150&quot; width=&quot;150&quot; align=&quot;left&quot; src=&quot;http://www.thainow.info/wp-content/uploads/2012/06/com.gif&quot; alt=&quot;คอมพิวเตอร์&quot;/&gt;
302.  
303. <b><span style="color: #e69138; font-size: large;">คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเหมือนหม้อหุ่งข้าวที่บ้าน เพียงแต่ปุ่มมันเยอะกว่าเท่านั้นเอง หม้อหุงข้าวถ้าไม่มีข้าวอยู่ในหม้อ เราก็ไม่มีข้าวกิน ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากหม้อหุงข้าว คอมพิวเตอร์ก็เหมือนกันถ้าไม่มีซอฟท์แวร์หรือโปรแกรมต่างๆ อยู่ในคอมพิวเตอร์ เราก็ใช้ประโยชน์อะไรจากคอมพิวเตอร์ไม่ได้</b></span> เปรียบเทียบแบบนี้แค่อยากจะบอกว่าคอมพิวเตอร์ไม่ได้เป็นสิ่งพิเศษพิสดารอะไร คอมพิวเตอร์จะให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ที่เข้าใจมันมากที่สุด ความเข้าใจในที่นี้หมายถึงเข้าใจการใช้งานโปรแกรมต่างๆ นั่นเอง ทำอย่างไรถึงจะเข้าใจคอมพิวเตอร์ได้มากที่สุด คำตอบง่ายนิดเดียว ก็ต้องอยู่กับมันให้มาก ให้เวลากับมันอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ<br />
304. <br />
305. <a name='more'></a>facebook ที่ใช้กันคล่องนักคล่องหนานั้นยากกว่าโปรแกรมใช้งานบางโปรแกรมเสียอีก แต่เราก็ทำให้เกิดความชำนาญในการใช้งานได้โดยไม่รู้สึกว่ายากเย็นอะไรเลย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเราเอาใจและให้เวลากับมันอยู่อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง ถ้าทำแบบนี้ได้กับเรื่องอื่นหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ ก็จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันโดยไม่ยากเย็นอะไร<br />
306. <br />
307. คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนหม้อหุงข้าวที่บ้าน เขียนซ้ำอีกครั้งหนึ่งก็ยังคงยืนยันว่าไม่ได้เขียนผิด เพียงแต่ในความเหมือนนั้นมันมีความแตกต่างรวมอยู่ด้วย ปุ่มใช้งานต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนรายละเอียดของทั้งสองอุปกรณ์นั้นมันมากน้อยต่างกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ถ้าอยากเข้าใจรายละเอียดอะไรที่มันมากๆ ก็ต้องตั้งใจหรือใช้ความเพียรพยายามมากๆ ด้วยเช่นเดียวกัน<br />
308. <br />
309. &lt;b&gt;สรุปคือฝึกบ่อยๆ ลองผิดลองถูกด้วยตนเองไปด้วย ศึกษาค้นคว้าอยู่เป็นประจำ สงสัยอะไรก็ถามผู้รู้ แล้วคอมพิวเตอร์จะเป็นเรื่องง่าย ไม่น่ากลัวอีกต่อไป&lt;/b&gt;</description><link>https://blogkrupong.blogspot.com/2012/06/do-not-be-afraid-of-computer.html</link><author>noreply@blogger.com (Unknown)</author></item></channel></rss>

If you would like to create a banner that links to this page (i.e. this validation result), do the following:

1. Download the "valid RSS" banner.

2. Upload the image to your own server. (This step is important. Please do not link directly to the image on this server.)

3. Add this HTML to your page (change the image src attribute if necessary):

   <a href="http://www.feedvalidator.org/check.cgi?url=http%3A//blogkrupong.blogspot.com/feeds/posts/default%3Falt%3Drss"><img src="valid-rss-rogers.png" alt="[Valid RSS]" title="Validate my RSS feed" /></a>

If you would like to create a text link instead, here is the URL you can use:

http://www.feedvalidator.org/check.cgi?url=http%3A//blogkrupong.blogspot.com/feeds/posts/default%3Falt%3Drss

Home · About · News · Docs · Terms